ระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา เพื่อผลสัมฤทธิ์การเข้าใจหลักพุทธธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดปทุมธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ 2) เพื่อพัฒนาระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ 3) เพื่อทดลองระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ 4) เพื่อประเมินและรับรองระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นการวิจัยแบบพัฒนา (Research and Development= R&D) ประกอบด้วยวิธีการการสำรวจ (Survey Research) จากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เขตพื้นที่การศึกษา จังหวัดปทุมธานี จำนวน 377 คน โดยการสัมภาษณ์ (Interview) พระสงฆ์และคณะครู จำนวน 10 รูป/คน ด้วยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection) เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม (Questionnaire) และแบบสัมภาษณ์ (Interview) ผลการวิจัยพบว่า 1) ศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนาจากการสัมภาษณ์ พบว่า ประเด็น คือ ต้องอย่าลืมวัดในชุมชนซึ่งพระสงฆ์มีบทบาทขับเคลื่อนเป็นอย่างมากเหมาะสมดังปฐมปณิธาน ที่ว่า “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย หมายความว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกท่านจงเที่ยวจาริกไป เพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์ และเกื้อกูล ชนและโลกทั้งหลาย 2) การพัฒนาระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก (X= 3.85, S.D. = 0.239) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านที่ 4. ด้านการวัดและประเมินผล อยู่ในระดับมาก ((X= 4.03, S.D. = 0.421) รองลงมา คือ ด้านที่ 2. ด้านสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน อยู่ในระดับมาก ((X= 3.89, S.D. = 0.370) รองลงมา คือ ด้านที่ 3. ด้านกิจกรรมการเรียน การสอน อยู่ในระดับมาก ((X= 3.83, S.D. = 0.409) และด้านที่มีความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ ด้านที่ 1. ด้านเนื้อหา ((X= 3.66, S.D. = 0.442) 3) การทดลองระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนาจากการสัมภาษณ์ พบว่า เป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ที่พัฒนาร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ด้วยการจัดกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชนนั่นเอง 4) การประเมินและรับรองระบบการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาพระพุทธศาสนา จากสรุปการสัมภาษณ์ พบว่า ต้องทำเป็นการนำนโยบายภาพรวมมาสู่การปฏิบัติจริง เพื่อช่วยให้เด็กและเยาวชนมีลักษณะนิสัยที่ดีทั้ง 4 ประการ ได้แก่ 1. ความพอเพียง 2. ความมีวินัย 3. ความสุจริต 4. การมีจิตอาสา
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์รับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
กิตติยา ปัญญาเยาว์. (2564). การพัฒนาระบบสารสนเทศการท่องเที่ยวโดยชุมชน ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน RMUTT Global Business and Economics Review. 16(1): 41-54.
เจนจิรา บ.ป.สูงเนิน และคณะ. (2566). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยตามเวลาที่กำหนดของนักวิจัย มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. Journal of Professional Routine to Research. 10(2): 21-28.
พระใบฎีกาธีรศักดิ์ สุธีโร (น้อยอ่อน). (2560). ศึกษาการประยุกต์ใช้หลักไตรสิกขาในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ตามแนวทางพระพุทธศาสนาเถรวาท โรงเรียนกระสังพิทยาคม ตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาพระพุทธศาสนา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาจงรักษ์ อาทิตฺตเมธี (ภูพิษ). (2563). การสอนแบบโครงงาน เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดไผ่ดำแผนกสามัญศึกษา จังหวัดสิงห์บุรี. วารสารการสอน สังคมศึกษา. 2(1): 21-29.
พระมหาศุภฤกษ์ สุภทฺทจารี (สีวันคำ) และคณะ. (2567). การพัฒนาระบบการสอนสังคมศึกษาตามหลักไตรสิกขา เพื่อบรรลุผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดนครสวรรค์. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 11(10): 295-307.
พุทธทาสภิกขุ. (2542). ทางตามหลักพระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.