วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR
<p><strong>ISSN:</strong> 2985-2838 (Print) </p> <p><strong>กำหนดออก :</strong> 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน) ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม– สิงหาคม) และฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม) </p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ :</strong> วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงทางด้านพระพุทธศาสนา ปรัชญาศาสนา ภาษาบาลีสันสฤต การศึกษาเชิงประยุกต์ การพัฒนาชุมชม การพัฒนาสังคม รวมถึงสหวิทยาการอื่นๆ ของนักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา</p> <p><strong>คำชี้แจงในการตีพิมพ์เผยแพร่บทความ</strong></p> <p>1. บทความที่ส่งมารับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารหรือแหล่งวิชาการอื่นๆ</p> <p>2. ทุกบทความจะได้รับการตรวจสอบทางวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) อย่างน้อย 3 ท่าน ในลักษณะปกปิดความลับของทั้งสองฝ่าย (Double blinded)</p> <p>3. ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์ ทั้งนี้กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีข้อผูกพันด้วยประการใดๆ ทั้งปวง</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการเผยแพร่: </strong></p> <p>วารสารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความละ 3,500 บาท โดยชำระค่าธรรมเนียมหลังจากบทความผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจากกองบรรณาธิการวารสาร ก่อนที่จะดำเนินการส่งบทความถึงผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อประเมิน ในกรณีที่บรรณาธิการปฏิเสธการตีพิมพ์หรือกรณีที่ผู้เขียนขอยกเลิกบทความเองจะคืนค่าตีพิมพ์ แต่หากมีการส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความแล้ววารสารจะไม่คืนค่าธรรมเนียม</p>
สาขาวิชาพระพุทธศาสนา วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
th-TH
วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
2985-2838
-
แนวทางการสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สำหรับพัฒนาหลักสูตรการสร้างผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR/article/view/959
<p>บทความวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาการสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ และ (2) พัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดในสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกและการวิเคราะห์บัญชีของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ กลุ่มท่องเที่ยวและอาหาร และกลุ่มเทคโนโลยี รวมจำนวน 30 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพเพื่อจัดหมวดหมู่และหาความสัมพันธ์ของข้อมูล ผลจากการวิจัยพบว่าผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี นิยมเผยแพร่เนื้อหาผ่านเฟสบุ๊กเป็นหลัก ในขณะที่กลุ่มที่มีประสบการณ์น้อยกว่า 5 ปี เลือกใช้อินสตราแกรมและติ๊กต็อกเป็นช่องทางหลัก ทั้งสองกลุ่มใช้สื่อสังคมออนไลน์หลากหลายแพลตฟอร์มในการสื่อสาร โดยเนื้อหาที่เผยแพร่ประกอบด้วย ภาพถ่าย วีดิโอสั้น และข้อความอธิบายที่ดึงดูดความสนใจ พร้อมด้วยการใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มการเข้าถึงจากผู้รับชมสำหรับการพัฒนาหลักสูตรการสร้างผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด ควรจัดทำเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการระยะสั้นไม่เกิน 3 วัน โดยกำหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องมีทักษะพื้นฐานการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ และมีบัญชีผู้ใช้ที่เปิดงานมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน หัวข้อสำคัญที่ควรครอบคลุมในการอบรม ได้แก่ (1) การถ่ายภาพ (2) การตัดต่อวีดิโอ (3) การเขียนเพื่อการสื่อสาร (4) การวางแผนการสื่อสาร และ (5) ความรู้เกี่ยวกับประเด็นที่ต้องการเผยแพร่ นอกจากนี้ ควรเสริมความรู้เกี่ยวกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มความเข้าใจอย่างรอบด้านให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม</p>
รัฐพล พรหมมาศ
Copyright (c) 2024 วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-11
2024-12-11
2 3
1
12
-
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานและความผูกพันต่อองค์กรมีความสัมพันธ์ต่อความจงรักภักดีของพนักงานสำนักงานแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR/article/view/1005
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานและความผูกพันต่อองค์กรมีความสัมพันธ์ต่อความจงรักภักดีของพนักงานสำนักงานแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานจำนวน 270 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับความผูกพันต่อองค์กร และระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กร ของพนักงานสำนักงานแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก การทดสอบสมมติฐาน พบว่า แรงจูงใจในการปฏิบัติงานและความผูกพันต่อองค์กรมีความสัมพันธ์ต่อความจงรักภักดีของพนักงานสำนักงานแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ มีอำนาจทำนายร้อยละ 61.00 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
สรัญญ์ณภร วรรณสิงห์
เบ็ญจมาส นาควงษ์
โสรยา สุภาผล
Copyright (c) 2024 วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-11
2024-12-11
2 3
13
19
-
การจัดการความขัดแย้งในองค์กรเชิงพุทธสู่ความสามัคคีที่ยั่งยืน
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR/article/view/1018
<p>บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในองค์กร โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอันเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เอื้อต่อความสุข ความสามัคคี และความยั่งยืนขององค์กร ผลจากการศึกษาพบว่า ความขัดแย้งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ องค์กรภาครัฐหรือเอกชน ความขัดแย้งเหล่านี้อาจเกิดจากความแตกต่างทางความคิด เหตุผล หรือผลประโยชน์ ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว พระพุทธศาสนาได้ให้หลักธรรมคำสอนที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นที่การพัฒนาจิตใจของบุคคล การสร้างความเข้าใจอันดี และการแสวงหาทางออกที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย นำเสนอแนวคิดในการจัดการความขัดแย้งในองค์การโดยยึดหลักธรรมทางพุทธ เพื่อสร้างความสามัคคีที่ยั่งยืนในองค์กร</p>
พระครูโสภณวีรานุวัตร
Copyright (c) 2024 วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-11
2024-12-11
2 3
20
33
-
สัญญะและอัตลักษณ์ของฌอง โบดริยาร์ด
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR/article/view/975
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสัญญะและอัตลักษณ์ในมุมมองของฌอง โบดริยาร์ด พบว่า สัญญะก็เปรียบเสมือนวัตถุนิยม ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในทุกยุคทุกสมัยและทุกสังคม เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย จับต้องสัมผัสได้ ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งความจริงเปรียบเสมือนภาระของมนุษย์หลังนวยุค นัยยะแห่งอนิจจตาไม่ได้กินความเพียงแค่ สิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น หากรวมถึงสรรพสิ่งบนบรรณพิภพ ต่างล้วนต้องตกอยู่ภายใต้กฎแห่งสามัญนี้ กลไกสำคัญในการผลิตซ้ำ ภาพสะท้อนของสัญญะ และรหัสที่กลายมาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของสภาวะล้ำจริง (Hyper-reality) ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา ซึ่งความจริงต่างๆ ได้ถูกลบเลือนจนไม่เหลือร่องรอย กลายเป็นสภาวะที่จริงยิ่งกว่าจริง สภาวะที่ความจริงตกอยู่ภายใต้ภาวะบงการของภาพ ซึ่งฌอง โบดริยาร์ด (Jean Baudrillard) กล่าวว่าถ้าการบริโภคเชิงสัญญะ (consumption of sign) คือ กิจกรรมอย่างหนึ่งในการเอาประโยชน์จากระบบสัญญะ มีความหมายว่าอย่างไร สัญญะ (sign) เป็นตัวแทนของสิ่งอื่น แสดงค่าของสิ่งอื่น ปฏิบัติหน้าที่แทนสิ่งอื่นซึ่งขาดหายไป ด้วยเหตุนี้เอง เอกลักษณ์และความหมายของสิ่งต่างๆ จึงสามารถลื่นไหลและเปลี่ยนแปลงได้ตามวาทกรรมที่สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา ไม่แน่นอน ไม่ตายตัว และไม่หยุดนิ่ง เรื่องของวาทกรรม และอำนาจจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้</p>
ศรุตานนท์ ชอบประดิษฐ์
จิรัชญาภา พิจักขณารินทร์
Copyright (c) 2024 วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-11
2024-12-11
2 3
34
45
-
พุทธบริหารการศึกษาเพื่อการเสริมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JSBR/article/view/1051
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายหลักพุทธบริหารการศึกษาในการเสริมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ มุ่งเน้นการพัฒนาจิตใจของบุคลากรในสถาบันการศึกษา โดยส่งเสริมให้มีคุณธรรม จริยธรรม และความเมตตากรุณา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติซึ่งพุทธบริหารการศึกษาเพื่อการเสริมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการพัฒนาทั้งบุคคลและองค์กร ในด้านการบริหารตน โดยการพัฒนาตนเองตามหลักไตรสิกขา เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้านการบริหารคน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการจัดการคน เพื่อให้บุคลากรมีทิศทางและเป้าหมายที่สอดคล้องกัน ด้านการบริหารงาน ใช้เพื่อการบริหารงานอย่างเป็นระเบียบ และการคิดอย่างเป็นระบบ ในการทำงาน เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ด้านการมีแบบแผนความคิด ช่วยให้บุคคลมีมุมมองที่ถูกต้องและปรับตัวตามความเป็นจริง และด้านการเรียนรู้เป็นทีม เน้นการสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาทีมงาน เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน องค์ความรู้ที่ได้รับจากการบูรณาการนี้จะช่วยพัฒนาบุคลากรและองค์กรให้มีความรู้คู่คุณธรรมเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป</p>
พระมหาเจษฏ์ฌกฤษฏ์ ปญฺญาธโร
Copyright (c) 2024 วารสารศรีสุวรรณภูมิปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-11
2024-12-11
2 3
46
55