ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการวางแผนภาษีภาคปฏิบัติสำหรับธุรกิจออนไลน์ หลังวิกฤตโควิด-19

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ทราบแนวคิดและหลักการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ เช่น ปัญหาด้านการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้านการเฉลี่ยภาษีซื้อ และปัญหาของธุรกิจนำเข้า เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ผู้ประกอบธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีความรู้ในการวางแผนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ทันเวลา แม้ว่าธุรกิจออนไลน์อาจจะไม่มีหน้าร้าน แต่เมื่อมีรายได้ก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นเดียวกัน ภาษีที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรกของการประกอบธุรกิจออนไลน์คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ให้พิจารณาที่รายได้ของกิจการเป็นหลัก กิจการที่มีรายได้ (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) เกิน 1,800,000 บาทต่อปีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7 ของทุกๆ ครั้งที่มีรายได้เกิดขึ้น และต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันนับตั้งแต่มียอดรายได้เกิน 1,800,000 บาท หากประกอบธุรกิจที่ได้รับยกเว้นก็ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแม้จะมีรายได้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น ขายพืชผลการเกษตร สัตว์ ตำราเรียน นอกจากนี้ผู้ประกอบการต้องยื่นเสียภาษีทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีรายได้และมีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการ ปัจจุบันสถาบันการเงินต้องส่งข้อมูลการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ให้สรรพากรตรวจสอบตามเงื่อนไขดังนี้ 1) ฝาก รับโอนเงินทุกบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป 2) ฝาก รับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้งขึ้นไปและมียอดรวมเกิน 2,000,000 บาทต่อปี ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มและการวางแผนภาษีจึงมีความสำคัญและจำเป็นมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์