Authors Guidelines
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด ควรจะมีความเนื้อหาทางวิชาการอยู่ในสาขาวิชาสังคมศาสตร์ พุทธศาสนา ปรัชญา บริหารการศึกษา การพัฒนาชุมชม การพัฒนาสังคม รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ภาษาศาสตร์ การศึกษาเชิงประยุกต์ รวมถึงสหวิทยาการอื่น ๆ บทความจะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสาร
ทั้งนี้ผู้เขียนจะต้องไม่รายงานข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข้อมูลเท็จ หรือการปลอมแปลง บิดเบือน รวมไปถึงการตกแต่ง หรือ เลือกแสดงข้อมูลเฉพาะที่สอดคล้องกับข้อสรุป รวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ในระดับ ไม่เกิน 25%
วารสารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน 3,500 บาท (สามพันห้าร้อยบาทถ้วน) ต่อ 1 บทความ ผู้เขียนจะต้องลงทะเบียนพร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมในระบบ วารสารจะนำค่าธรรมเนียมนี้มาปฏิบัติงานภายในและจะคืนให้ในกรณีบรรณาธิการปฏิเสธการตีพิมพ์เท่านั้น หากส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความแล้ว วารสารจะไม่คืนค่าธรรมเนียมไม่ว่ากรณีใด ๆ
1. การส่งบทความเข้าระบบThaijo เพื่อได้รับการตีพิมพ์
การส่งในระบบ (Online Submission) สามารถส่งเข้าระบบออนไลน์ได้เว็บไซต์
ของวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด ได้ที่
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/about/submissions. เมื่อส่งเข้าระบบสำเร็จให้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมทาง Email : jssmcu101@gmail.com
2.การจัดเตรียมบทความ
1) ต้นฉบับบทความต้องมีความยาว 8 - 15 หน้ากระดาษ A4 (ไม่รวมเอกสารอ้างอิง) พิมพ์บนกระดาษหน้าเดียว ใช้ตัวอักษรแบบ TH Sarabun PSK (ขนาด 16 point) ตั้งค่าหน้ากระดาษโดยเว้นขอบบน ขอบซ้าย 1 นิ้ว และขอบขวา ขอบล่าง 1 นิ้ว กำหนดระยะห่างระหว่างบรรทัดเท่ากับ 1 และเว้นบรรทัดระหว่างแต่ละย่อหน้า การนำเสนอรูปภาพและตาราง ต้องนำเสนอรูปภาพและตารางที่มีความคมชัดพร้อมระบุหมายเลขกำกับรูปภาพไว้ด้านล่าง พิมพ์เป็นตัวหนาเช่นตารางที่ 1 หรือ Table 1 และ ภาพที่ 1 หรือ Figure 1 รูปภาพที่นำเสนอต้องมีรายละเอียดของข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านที่เนื้อความอีก ระบุลำดับของรูปภาพทุกรูปให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในต้นฉบับ โดยคำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพที่นำเสนอ
2) ชื่อเรื่อง (หน้าแรก) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้าแรก (ขนาด 18 point ตัวหนา)
3) ชื่อผู้เขียน ชื่อสังกัดหรือหน่วยงาน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมอีเมล ชิดขวา (ขนาด 16 point ตัวหนาเฉพาะภาษาไทย)
4) มีบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไม่เกิน 350 คำ ไม่ต้องอ้างอิงเอกสาร
5) กำหนดคำสำคัญ (Keywords) 3-5 คำ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
6) การเรียงหัวข้อ หัวข้อใหญ่สุด ให้พิมพ์ชิดขอบด้านซ้าย (16 point ตัวหนา) หัวข้อย่อยเว้นห่างจาก หัวข้อใหญ่ 3-5 ตัวอักษร และหัวข้อย่อยขนาดเดียวกัน ต้องพิมพ์ให้ตรงกัน เมื่อขึ้นหัวข้อใหญ่ ให้เว้นระยะห่าง 1 บรรทัด
7) การใช้ตัวเลข คำย่อ และวงเล็บ ใช้ตัวเลขอารบิกทั้งหมด ใช้คำย่อที่เป็นสากลเท่านั้น (ระบุคำเต็มไว้ในครั้งแรก) การวงเล็บภาษาอังกฤษ ควรใช้ดังนี้ (Student centered learning)
8) การย่อหน้าในแต่ย่อหน้า ให้เว้นระยะจากขอบซ้ายของกระดาษ 0.7 นิ้ว หรือ 1.75 ซม.
9) ผู้แต่งต้องปรับประเภทบทความตามองค์ประกอบของวารสาร สามารถดาวน์โหลดได้ดังนี้
(1) บทความวิจัย
(2) บทความวิชาการ
(3) บทวิจารณ์หนังสือ
3. บทความวิจัยให้เรียงลำดับสาระ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract) เสนอวัตถุประสงค์ของการวิจัย วิธีการวิจัยและผลการวิจัยโดยสรุป สั้นกะทัดรัดได้ใจความ
2) บทนำ (Introduction) ระบุความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาในการวิจัยและระบุวัตถุประสงค์ของการวิจัย
3) วัตถุประสงค์ของการวิจัย (Research Objectives) ระบุวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของการวิจัย เพื่อเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูล และเสนอผลการวิจัยได้อย่างชัดเจน
4) วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ระบุแบบแผนการวิจัยการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างและการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
5) สรุปผลการวิจัย (Results) เสนอผลที่พบตามวัตถุประสงค์การวิจัยตามลำดับอย่างชัดเจน บรรยายรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยรูป ตารางหรือแผนภูมิ
6) อภิปรายผล (Discussion) เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของผลการวิจัยกับกรอบแนวคิด และงานวิจัยที่ผ่านมา ไม่ควรอภิปรายเป็นข้อ ๆ แต่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของตัวแปรที่ศึกษาทั้งหมด
7) ข้อเสนอแนะ (Suggestion) การเสนอแนะ แนะนำผลการวิจัยไปใช้ในเกิดประโยชน์
8) องค์ความรู้ใหม่ (Originality and Body of Knowledge) ระบุองค์ความรู้อันเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการวิจัย สังเคราะห์ออกมาในรูปแบบโมเดล พร้อมคำอธิบายรูปแบบ/โครงสร้างของโมเดลอย่างกระชับ เข้าใจง่าย
9) เอกสารอ้างอิง (References) ต้องเป็นรายการอ้างอิงที่มีปรากฏในบทความเท่านั้น
4. บทความวิชาการ ให้เรียงลำดับสาระ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) บทนำ (Introduction)
3) เนื้อเรื่อง (Content) แสดงสาระสำคัญที่ต้องการนำเสนอตามสำดับ
4) สรุป (Conclusion)
5) องค์ความรู้ใหม่ (Originality and Body of Knowledge)
6) เอกสารอ้างอิง (Reference)
5. บทความวิจารณ์หนังสือให้เรียงลำดับสาระ ดังนี้
1) บทคัดย่อ (Abstract)
2) ชื่อเรื่องของหนังสือ (Title) ให้ระบุทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
3) ชื่อผู้เขียนหนังสือ (Author) ให้ระบุชื่อเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมระบุสถาบันหรือหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด
4) ชื่อผู้วิจารณ์ (Name of Reviews) ให้ระบุชื่อเต็มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมระบุสถาบันหรือหน่วยงานที่ผู้วิจารณ์สังกัด
5) เนื้อหาการวิจารณ์ (Reviews Content) ในการเขียนเกี่ยวกับหนังสือวิจารณ์ เนื้อเรื่องจะเป็นส่วนแสดงความคิดเห็นและรายละเอียดในการวิจารณ์ โดยนำเสนอเรื่องราวจุดเด่น จุดบกพร่องของเรื่อง โดยทำการวิจารณ์หรือวิพากษ์อย่างมีหลักเกณฑ์และเหตุผลตามหลักวิชาการ
6) สรุป (Summarizing) เป็นวิธีการเขียนสรุปความคิดเห็นทั้งหมดที่วิจารณ์ รวมถึงให้ข้อคิดหรือข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์
7) องค์ความรู้ที่ได้รับ (Knowledge Assets) ระบุองค์ความรู้อันเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการสังเคราะห์ หลักการ วิธีการ ในลักษณะความเรียง เเผนภาพ แผนภูมิ หรือผังมโนทัศน์ เพื่อให้ได้ความรู้ที่ได้จากการวิจัยนั้น
8) เอกสารอ้างอิง (References) ใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาตามหลักเกณฑ์ APA (American Psychological Association) เป็นการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อความไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ ( ) แทรกในเนื้อหา โดยมีกฎเกณฑ์การอ้างอิงที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้มีความชัดเจนในการลงรายการงานเขียนต่างๆ ที่ง่ายต่อการศึกษาและการปฏิบัติ
6.ระบบการอ้างอิงและเอกสารอ้างอิงทางวิชาการพร้อมตัวอย่างประกอบ
เอกสารที่นำมาอ้างอิงควรได้มาจากแหล่งที่มีการตีพิมพ์ชัดเจน อาจเป็นวารสาร หนังสือหรือข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตทั้งนี้ผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของเอกสารอ้างอิงทั้งหมดก่อนส่งต้นฉบับผู้เขียนบทความควรตรวจสอบถึงความถูกต้อง ของการอ้างอิงเอกสาร เพื่อป้องกันความล่าช้าในการตีพิมพ์บทความ เนื่องจากบทความที่มีการอ้างอิงไม่ถูกต้องจะไม่ได้รับการส่งต่อเพื่อพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจนกว่าการอ้างอิงเอกสารจะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง
6.1 การอ้างอิงในเนื้อหาบทความ
รูปแบบการอ้างอิงในเนื้อเรื่องและท้ายเล่มใช้วิธีการอ้างอิงระบบนาม – ปี ตามรูปแบบของ American Psychological Association (APA)ให้ใช้ระบบตัวอักษรโดยใช้วงเล็บ เปิด-ปิด แล้วระบุชื่อ-นามสกุลของผู้เขียนและเลขหน้าของเอกสารที่นำมาอ้างอิง กำกับท้ายเนื้อความที่ใต้อ้างอิง เอกสารที่อ้างอิงในบทความจะต้องปรากฏในเอกสารอ้างอิงท้ายบทความทุกรายการ และเจ้าของบทความต้องรับผิดชอบถึงความถูกต้องของเอกสารที่นำมาอ้างอิงทั้งหมด โดยรูปแบบของการอ้างอิงเอกสาร มีดังนี้
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อ/นามสกุล/(ปีที่พิมพ์,/เลขหน้าที่อ้างอิง)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่พิมพ์,/เลขหน้าที่อ้างอิง)
1) อ้างอิงจากเอกสารภาษาไทย
1.1) พระไตรปิฎกและอรรถกถาให้อ้างชื่อคัมภีร์ เล่มที่ ข้อและหน้า คั่นด้วยเครื่องหมายทับ (/) ให้วงเล็บคำว่า (บาลี) ไว้หลังคำย่อในกรณีที่ใช้พระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี หรือวงเล็บคำว่า (ไทย) ไว้หลังคำย่อในกรณีที่ใช้พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย เช่น อ้างพระไตรปิฎกภาษาไทย จากคัมภีร์พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม 1 ข้อที่ 43 หน้า 31 อ้าง (วิ.มหา. (ไทย) /1/43/31)
1.2) ผู้แต่งหนึ่งคนให้อ้างชื่อผู้แต่งเครื่องหมายจุลภาค (,) ตามด้วยปีที่พิมพ์คั่นด้วยเครื่องหมายทวิภาค (:) และตามด้วยเลขหน้าของเอกสารที่นำมาอ้างอิง เช่น (ไพรฑูรย์ สวนมะไฟ, 2566: 65)
1.3) ถ้ามีผู้แต่งมากกว่า 1 คนให้อ้างชื่อของผู้แต่งคนแรกเว้นวรรคหนึ่งครั้งเพิ่มคำว่า “และคณะ”วรรคหนึ่งครั้งตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ปีที่พิมพ์ เครื่องหมายทวิภาค (:) วรรคหนึ่งครั้ง และเลขหน้าของเอกสารที่นำมาอ้างอิงเช่น (พระพรหมคุณาภรณ์ และคณะ, 2558: 55)
1.4) ให้เรียงลำดับการอ้างอิงตามลำดับพยัญชนะตัวแรกของชื่อผู้แต่งเช่นเดียวกับลำดับการอ้างอิงในส่วนเอกสารอ้างอิง
2) อ้างอิงจากเอกสารภาษาอังกฤษ
2.1) ถ้ามีผู้แต่งหนึ่งคนให้อ้างนามสกุลของผู้แต่ง เครื่องหมายจุลภาค ปีที่พิมพ์ และ หน้าที่นำมาอ้างอิง เช่น (Rawls, 1999: 74)
2.2) ถ้ามีผู้แต่งสองคนให้อ้างนามสกุลของผู้แต่งสองราย เครื่องหมายจุลภาค ปีที่พิมพ์ และหน้าที่นำมาอ้างอิง เช่น (Barry & Larope, 2010) และให้ใช้เครื่องหมาย อัฒภาค (;) คั่นกลางระหว่างเอกสารที่นำมาอ้างอิงมากกว่า 1 เอกสาร เช่น (Rawls, 1999: 56; Barry & Larope, 2010: 125)
2.3) ถ้ามีผู้แต่งมากกว่า 1 คนให้อ้างนามสกุลของผู้แต่งรายแรกตามด้วย et al, ปีที่พิมพ์ และหน้าที่นำมาอ้างอิง (Rawls et al., 2008: 56)
2.4) ให้เรียงลำดับการอ้างอิงชื่อผู้แต่ง
3) หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพิมพ์รายการสำนักพิมพ์/โรงพิมพ์
กรณีเป็นสำนักพิมพ์หรือบริษัทให้คงไว้เฉพาะชื่อ ดังตัวอย่าง
3.1) บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ใช้ นานมีบุ๊คส์
3.2) สำนักพิมพ์เทียนวรรณ ใช้ เทียนวรรณ
3.3) กรณีที่เป็นโรงพิมพ์ให้ใช้รูปแบบเต็ม เช่น โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
4) วารสาร
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
ผู้แต่ง 1 คน ให้ระบุชื่อ นามสกุล โดยไม่ต้องมีคำนำหน้านาม หากเป็นพระภิกษุทั่วไป ให้ใส่คำว่าพระ, พระมหา นำหน้าชื่อตามด้วยฉายา และพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ให้ใส่ชื่อสมณศักดิ์
กรณีผู้แต่งมีสมณศักดิ์
ตัวอย่างหน้าข้อความ เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) (2566: 100)
ตัวอย่างหลังข้อความ เช่น (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), 2566: 100)
กรณีผู้แต่งมีเป็นกลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคล
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น สนั่น ประเสริฐ (2566: 60)
Barry (2023: 60)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (สนั่น ประเสริฐ, 2566: 60)
(Barry, 2023: 60)
ผู้แต่งมากกว่า 1 คนขึ้นไป ให้ระบุชื่อ นามสกุลของผู้แต่งคนแรกให้คั่นด้วยตามด้วย “และคณะ” สำหรับผู้แต่งชาวไทย หรือ “et al.” หรือ “and others” สำหรับผู้แต่งชาวต่างประเทศ
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น ไพฑูรย์ สวนมะไฟ และคณะ (2560: 100)
Phaitoon Suanmafai et al. (2017: 100)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (ไพฑูรย์ สวนมะไฟ และคณะ, 2560: 100)
(Phaitoon Suanmafai et al., 2017: 100)
5) วิทยานิพนธ์/ดุษฎีนิพนธ์/สารนิพนธ์
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อ/นามสกุล/(ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
ผู้แต่ง 1 คน ให้ระบุชื่อ นามสกุล โดยไม่ต้องมีคำนำหน้านาม หากเป็นพระภิกษุทั่วไป ให้ใส่คำว่าพระ, พระมหา นำหน้าชื่อตามด้วยฉายา และพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ให้ใส่ชื่อสมณศักดิ์ตามด้วย
กรณีผู้แต่งมีสมณศักดิ์
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) (2557: 15)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต), 2557: 15)
กรณีผู้แต่งมีเป็นกลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคล
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น สนั่น ประเสริฐ (2566: 50)
Barry (2023: 50)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (สนั่น ประเสริฐ, 2566: 50)
(Barry, 2566: 50)
ผู้แต่งมากกว่า 1 คนขึ้นไป ให้ระบุชื่อ นามสกุลของผู้แต่งคนแรกให้คั่นด้วยตามด้วย “และคณะ” สำหรับผู้แต่งชาวไทย หรือ “et al.” หรือ “and others” สำหรับผู้แต่งชาวต่างประเทศ
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น สนั่น ประเสริฐ และคณะ (2566: 150)
Sanan Prasert et al. (2023: 150)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (สนั่น ประเสริฐ และคณะ, 2566: 150)
(Sanan Prasert et al., 2023: 150)
6) รายงานการวิจัย
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อ/นามสกุล/(ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าที่อ้างอิง)
(ใช้รูปแบบเดียวกับหนังสือ)
7) ราชกิจจานุเบกษา
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อพระราชบัญญัติ/(ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าอ้างอิง)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อพระราชบัญญัติ,/ปีที่พิมพ์:/เลขหน้าอ้างอิง)
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 (2544: 121)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504, 2544: 121)
8) สัมภาษณ์
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อ/นามสกุล/(การสัมภาษณ์,/วันที่/เดือน/พ.ศ.)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/การสัมภาษณ์,/วันที่/เดือน/พ.ศ.)
ผู้ให้สัมภาษณ์ ให้ระบุชื่อ นามสกุล โดยไม่ต้องมีคำนำหน้านาม หากเป็นพระภิกษุทั่วไป ให้ใส่คำว่าพระ, พระมหา นำหน้าชื่อตามด้วยฉายา และพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ให้ใส่ชื่อสมณศักดิ์ตามด้วยชื่อตัวในเครื่องหมายวงเล็บ
กรณีผู้แต่งมีสมณศักดิ์
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น พระครูภาวนาพัฒนบัณฑิต (การสัมภาษณ์, 5 มีนาคม 2566)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (พระครูภาวนาพัฒนบัณฑิต, การสัมภาษณ์, 5 มีนาคม 2566)
9) สื่ออิเล็กทรอนิกส์
การอ้างอิงในเนื้อหา
หน้าข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ ชื่อ/นามสกุล/(ปีที่จัดทำ)
หลังข้อความ ตัวอย่างรูปแบบ (ชื่อ/นามสกุล,/ปีที่จัดทำ)
ตัวอย่าง เว็บไซต์
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น สโรชา จันทะสอน (2566)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (สโรชา จันทะสอน, 2566)
ตัวอย่าง วิกิพีเดีย
ตัวอย่าง หน้าข้อความ เช่น Wikipedia (2566)
ตัวอย่าง หลังข้อความ เช่น (Wikipedia, 2566)
6.2 เอกสารอ้างอิง
(1) พระไตรปิฎก อรรถกถา
รูปแบบ :
ให้อ้างชื่อย่อคัมภีร์. เล่ม/ข้อ/หน้า.
ตัวอย่าง :
|
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. |
(2) หนังสือ
รูปแบบ :
ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อหนังสือ./(ครั้งที่พิมพ์)./สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์.
( / หมายถึงวรรค 1 ครั้ง)
ตัวอย่าง :
|
จำนงค์ ทองประเสริฐ. (2516). ประวัติพระพุทธศาสนาในเอเชียอาคเนย์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: |
(3) บทความในหนังสือ
รูปแบบ :
ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ใน ชื่อบรรณาธิการ (บรรณาธิการ)./ชื่อเรื่อง./(เลขหน้าที่อ้าง)./สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์.
ตัวอย่าง :
ดำคง คงเดช. (2560). การสร้างความปรองดองในสังคมไทยด้วยหลักพุทธศาสนา ใน อนันต์ แจ่มชื่น. ธรรมโอสถกับการ
เยียวยาสังคม. (หน้า 112). กรุงเทพมหานคร: อัมรินทร์.
(4) บทความจากวารสาร
รูปแบบ :
ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร,/ปีที่(ฉบับที่):/เลขหน้าแรก ที่ตีพิมพ์-เลขหน้าสุดท้ายที่ตีพิมพ์.
ตัวอย่าง :
พระครูสิริรัตนานุวัตร. (2557). การบนบาน บวงสรวง: แนวคิด หลักการ อิทธิพลต่อสังคมไทย.
วารสาร วิจัยพุทธศาสตร์, 1(1): 88-99.
(5) บทความในสารานุกรม
รูปแบบ : ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ใน ชื่อสารานุกรม,/(เล่มที่อ้าง, หน้า เลขหน้าที่อ้าง)./สถานที่พิมพ์: /สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์.
ตัวอย่าง :
ไพฑูรย์ นามวิจิต. (2540). ช้าง ม้า วัว ควาย. ใน สารานุกรมไทยสำหรับเขาวชน, (หน้า 200-215). กรุงเทพมหานคร:
เสริมสร้างความรู้.
Landesman, C.(1967). Consciousness. In The Encyclopedia of Philosophy, (Vol. 2, pp. 191-195).
(6) หนังสือพิมพ์
รูปแบบ :
ผู้แต่ง./(วันที่ เดือน ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อหนังสือพิมพ์,/เลขหน้า.
ตัวอย่าง :
อเนก พูลทรัพย์. (10 สิงหาคม 2560). ปัญหาการเมืองไทย. มติชน, น.10.
(7) วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง รายงานการวิจัย
รูปแบบ :
ชื่อผู้เขียน./(ปีพิมพ์)./ชื่อวิทยานิพนธ์./ระดับวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์/หรือการค้นคว้าแบบอิสระ/ชื่อมหาวิทยาลัย
ตัวอย่าง:
พระครูอินทสารวิจักษ์ อินฺทสโร. (2551). ศึกษาการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรและธรรมโอสถที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธ.
ศาสนา. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
(8) สัมภาษณ์
การสัมภาษณ์ให้ทำการอ้างอิงในเนื้อหาโดยไม่ต้องลงรายการในเอกสารอ้างอิง
(9) สื่อออนไลน์
รูปแบบ :
ผู้แต่ง./(วันที่ เดือน ปีที่เผยแพร่)./ชื่อบทความ./สืบค้นเมื่อ วันที่ เดือน ปี,/จาก แหล่งที่อยู่ไฟล์ (URL)
ตัวอย่าง :
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช. (20 กรกฎาคม 2562). มิจฉาทิฏฐิ. สืบค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2563, จาก
https://www.dhamma.com/download/micchaditthi.
Doyle, M.W. (22 June 2004). Liberal Internationalism:Peace, War and Democracy. RetrievedSeptember2, 2013,
from http://www.nobelprize.org/nobel_prizes /themes/peace/doyle/index.html.
ตัวอย่างเอกสารอ้างอิง
เอกสารอ้างอิง
1. คัมภีร์พระไตรปิฎก
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.(2535). พระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฎกํ 2500. กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
2. หนังสือ
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ประยุตโต). (2546). พุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
3. วารสาร
พระครูสิริรัตนานุวัตร. (2557). การบนบาน บวงสรวง: แนวคิด หลักการ อิทธิพลต่อสังคมไทย.
วารสาร วิจัยพุทธศาสตร์, 1(1): 88-99.
4. ดุษฎีนิพนธ์/วิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์/รายงานการวิจัย
พระครูอินทสารวิจักษ์ อินฺทสโร. (2551). ศึกษาการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรและธรรมโอสถที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธ
ศาสนา. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
5. หนังสือพิมพ์
อเนก พูลทรัพย์. (10 สิงหาคม 2560). ปัญหาการเมืองไทย. มติชน, น.10.
6. สื่อออนไลน์
ลม เปลี่ยนทิศ. (19 ธันวาคม 2548). หมายเหตุประเทศไทย: สังคมไทยกำลังป่วยหนัก.สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม
2562,จากhttp://www.thairath.co.th/thairath1/2548/column/remark/dec/
19_12_48. Php
7. English
Jayatileke, K.N.. (1969). The Buddhist Theory of Causality. Vol.77 and 2. The Maha Bodhi, D.C.
Bhattacharya, K. (1961). The Concept of Self in Buddhism. The Philosophical Quartery (India). 34(2), 18-29.
7. รูปแบบการนำบทความลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด
ต้นฉบับบทความที่เสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์เอกสาร *.docx ของ Microsoft Word Version 2010 หรือมากกว่า และ ไฟล์เอกสาร *.PDF
กองบรรณาธิการจะพิจารณาบทความเบื้องต้น เกี่ยวกับความถูกต้องของรูปแบบทั่วไป ถ้าไม่ผ่านการพิจารณาจะส่งกลับไปแก้ไข ถ้าผ่านจะเข้าสู่การพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิเมื่อผลการประเมินผ่านหรือไม่ผ่านหรือมีการแก้ไข จะแจ้งผลให้ผู้เขียนทราบ โดยการพิจารณาบทความเพื่อลงตีพิมพ์ได้จะคำนึงถึงความหลากหลายและความเหมาะสม
8. สิทธิของบรรณาธิการ
ในกรณีที่กองบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินบทความมีความเห็นว่าควรแก้ไข กองบรรณาธิการจะส่งคืนเพื่อให้เจ้าของบทความแก้ไข โดยจะยึดถือข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินเป็นเกณฑ์หลัก และหรือขอสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาไม่ตีพิมพ์ ในกรณีที่รายงานการวิจัย บทความทางวิชาการหรือบทความวิจัยไม่ตรงกับแนวทางของวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด หรือไม่ผ่านการพิจารณาของกองบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญเมื่อบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ผู้เขียนจะได้รับวารสาร ลิงก์ฉบับที่นำบทความลงตีพิมพ์ พร้อมกับหนังสือรับรองการตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด