https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/issue/feed วารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด 2025-08-31T00:00:00+07:00 Phrakhrusutawarathammakit, Asst.Prof. Dr. jssmcu101@gmail.com Open Journal Systems <p>ISSN 3056 9842 (Online) </p> <p>กำหนดออก : 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม และฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม</p> <p>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านสังคมศาสตร์, รัฐศาสตร์, พุทธศาสตร์ และสหวิทยาการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกสถาบัน </p> https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/article/view/1780 ปัญญาประดิษฐ์กับมุมมองของจอห์น สจ๊วต มิลล์ต่อศักดิ์ศรีและความก้าวหน้า 2025-06-29T16:16:15+07:00 พระธีรพล ณฏฺฐิโก benedit8263@gmail.com พระครูศรีปัญญาวิกรม benedit8263@gmail.com พัชริน จินดาปทีป benedit8263@gmail.com <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญญาประดิษฐ์กับมุมมองของจอห์น สจ๊วต มิลล์ต่อศักดิ์ศรีและความก้าวหน้า พบว่า แนวคิดประโยชน์นิยมเชิงคุณภาพ ประเด็นหลักไม่ได้พยายามปฏิเสธความสุขทางกายเช่น การกิน การดื่มหรือความพอใจทางประสาทสัมผัส แต่ได้นำเสนอสิ่งที่สูงกว่าความสุขทางกายนั้นคือความสุขทางจิต ความท้าทายของปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการจัดการงานที่ซับซ้อนและใช้ความคิดได้ ทำให้เกิดคำถามว่า งานเหล่านี้เคยเป็นแหล่งของความสุขชั้นสูงสำหรับมนุษย์หรือไม่ หากปัญญาประดิษฐ์ทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แทนเราทั้งหมด ถ้าปัญญาประดิษฐ์สามารถเลียนแบบความคิดสร้างสรรค์และงานศิลปะได้ หรือสามารถตัดสินใจแทนมนุษย์ในเรื่องที่ซับซ้อน เช่น การวินิจฉัยทางการแพทย์หรือการตัดสินคดีความ มนุษย์จะยังคงมีศักดิ์ศรีและความเป็นปัจเจกบุคคลในฐานะผู้มีเหตุผลและมีเจตจำนงเสรีหรือไม่ ถ้าปัญญาประดิษฐ์เพียงแค่ทำให้มนุษย์พึ่งพาเทคโนโลยีจนสูญเสียความสามารถในการใช้เหตุผลและการแก้ปัญหาด้วยตนเอง มิลล์มองว่านั่นไม่ใช่ความก้าวหน้าอย่างแท้จริง เพราะมันไม่ได้ทำให้มนุษย์ดีขึ้นในฐานะสิ่งมีชีวิตที่สามารถคิดและตัดสินใจได้ ความกังวลดังกล่าวขยายไปถึงการที่อำนาจในการตัดสินใจของปัญญาประดิษฐ์กระจุกตัวอยู่ที่บริษัทเทคโนโลยีเพียงไม่กี่แห่ง นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนอาจถูกลดทอนลงจากความเป็นพลเมืองที่มีสิทธิมีเสียง อาจจะถูกลดทอนเป็นแค่ผู้ใช้งานที่ต้องปฏิบัติตามกฎของแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่าง แทนที่ประชาชนจะร่วมกันตัดสินใจเรื่องนโยบายสาธารณะ พวกเขาอาจถูกจำกัดให้เพียงแค่กด“ไลค์”หรือ“แชร์” ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมที่ผิวเผินและไม่ได้นำไปสู่การปกป้องสิทธิที่แท้จริง</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/article/view/1957 บทบาทครูสังคมศึกษากับการสอนเรื่อง การละเมิดศีลข้อที่ ๒ เพื่อการอยู่ร่วมกันกับสังคมที่หลากหลาย 2025-08-19T10:34:09+07:00 พระมหาสมควร สุวณฺโณ somkuan5269@gmail.com พระอนันตศักดิ์ กุสลจิตฺโต Somkuan5269@gmail.com พระฉลวย เทวสโร Somkuan5269@gmail.com <p>บทบาทของครูสังคมศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์แก่ผู้เรียน เพื่อสร้างรากฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการสอนเกี่ยวกับการละเมิดศีลข้อที่ ๒ ซึ่งว่าด้วย “การไม่ลักทรัพย์” ถือเป็นการป้องกันพฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการเคารพความเป็นเจ้าของและความยุติธรรม ครูสังคมศึกษาจึงมีบทบาททั้งในฐานะผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างการตระหนักรู้ และผู้เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำรงชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริตการจัดการเรียนการสอนในประเด็นดังกล่าว ควรเน้นการเชื่อมโยงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ากับสถานการณ์จริงในสังคม เช่น ปัญหาการทุจริต การเอารัดเอาเปรียบ และการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบของการละเมิดศีลข้อที่ ๒ ทั้งต่อบุคคล ครอบครัว และสังคมโดยรวม นอกจากนี้ครูยังควรใช้วิธีการสอนเชิงบูรณาการ เช่น การอภิปรายกลุ่ม การแก้ปัญหาสถานการณ์สมมติ และการเรียนรู้จากชุมชน เพื่อเสริมสร้างทักษะทางสังคมและคุณธรรมจริยธรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงดังนั้น บทบาทครูสังคมศึกษาในการสอนเรื่องการละเมิดศีลข้อที่ ๒ ไม่เพียงช่วยป้องกันพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่ยังเป็นการปลูกฝังความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และการเคารพสิทธิผู้อื่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคมที่มีความหลากหลาย</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/article/view/1975 การบริหารความเสี่ยงเพื่อเสริมสร้างคุณภาพและความปลอดภัยในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2025-08-28T10:57:17+07:00 ศิวาพัชญ์ บำรุงเศรษฐพงษ์ siwapatb@gmail.com <p>การบริหารความเสี่ยงในโรงเรียนมัธยมศึกษาไทยภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากโรงเรียนกว่า 29,000 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนกว่า 6.5 ล้านคน และครูบุคลากรเกือบครึ่งล้านคน ล้วนเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลายและซับซ้อน ทั้งด้านวิชาการที่สะท้อนผ่านผลการทดสอบ PISA 2022 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย OECD อย่างต่อเนื่อง ด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ด้านสังคมและพฤติกรรมที่ปรากฏชัดในปัญหาการบูลลี่และสุขภาวะจิตใจของนักเรียน ด้านเทคโนโลยีและข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและภัยไซเบอร์ ตลอดจนด้านความต่อเนื่องทางการเรียนรู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตโควิด-19</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บทความนี้นำเสนอการสังเคราะห์วรรณกรรมและกรอบทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ISO 31000, COSO ERM และ Comprehensive School Safety Framework (CSSF) ซึ่งสามารถบูรณาการเพื่อพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงที่สอดคล้องกับบริบทไทย โดยเสนอให้ใช้กระบวนการ 4 ขั้นตอน ได้แก่ การระบุความเสี่ยง การวิเคราะห์และประเมิน การวางแผนและจัดการ และการติดตามทบทวน พร้อมยกตัวอย่างการใช้ตารางบันทึกความเสี่ยง (Risk Register) เป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้โรงเรียนเชื่อมโยงปัญหากับมาตรการจัดการได้อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และตรวจสอบได้</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการสังเคราะห์ยืนยันว่าการบริหารความเสี่ยงที่มีระบบสัมพันธ์กับคุณภาพผู้เรียนและความปลอดภัยของสถานศึกษา อีกทั้งยังสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ กรอบบูรณาการการบริหารความเสี่ยง การจำแนกความเสี่ยงแบบองค์รวม การยกระดับ Risk Register เป็นวัฒนธรรมองค์กร และการชี้ช่องว่างการวิจัยเพื่อพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลและดัชนีความเสี่ยงระดับสถานศึกษา ข้อเสนอเชิงนโยบายเน้นการสร้างกรอบมาตรฐานระดับชาติ การจัดทำแผนความต่อเนื่องทางการเรียนรู้ การยกระดับนโยบายข้อมูล และการจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลความเสี่ยงด้านการศึกษา เพื่อให้โรงเรียนมัธยมศึกษาไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทาย สร้างระบบการศึกษาที่ปลอดภัย โปร่งใส และยั่งยืน</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jssmcure/article/view/1986 แนวทางการบริหารกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนพรตพิทยพยัต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร 2 2025-08-28T11:09:27+07:00 ศิวาพัชญ์ บำรุงเศรษฐพงษ์ siwapatb@gmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการนักเรียนในโรงเรียนพรตพิทยพยัต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 และ 2) เพื่อพัฒนาแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วมสำหรับโรงเรียนพรตพิทยพยัต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา และครู รวมทั้งสิ้น 162 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และครูผู้รับผิดชอบงานกิจการนักเรียน รวม 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการนักเรียน และแบบประเมินแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 3.90, S.D. = 0.63) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการดำเนินงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̄ = 4.20, S.D. = 0.58) และด้านการติดตามและประเมินผลมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̄ = 3.55, S.D. = 0.71) 2) แนวทางการบริหารกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วมที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 5 ด้าน คือ การมีส่วนร่วมในการวางแผน การดำเนินงาน การตัดสินใจ การติดตามและประเมินผล และการสนับสนุนทรัพยากร ผลการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิพบว่า แนวทางมีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.65, S.D. = 0.49) และมีความเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.41, S.D. = 0.55) แนวทางนี้เน้นการสร้างคณะทำงานบูรณาการ การจัดเวิร์กช็อปการวางแผน การใช้สภานักเรียนเป็นกลไกการตัดสินใจ การพัฒนาระบบติดตามประเมินผลแบบมีส่วนร่วม และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการระดมทรัพยากร</p> 2025-08-31T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด