พระธาตุศรีสองรักแห่งเมืองด่านซ้าย: ความหมายและการนิยามความหมายในบริบทการท่องเที่ยว

Main Article Content

นพพล แก่งจำปา

บทคัดย่อ

             บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมายและการนิยามความหมายต่อพระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในบริบทการท่องเที่ยว วิธีการศึกษาใช้วิธีการศึกษาตามแนวพินิจทางประวัติศาสตร์ ข้อมูลที่ใช้ศึกษาได้จากการสัมภาษณ์ประชาชนในเมืองด่านซ้าย จังหวัดเลย ประกอบกับข้อมูลจากเอกสาร และนำเสนอในรูปแบบพรรณนาวิเคราะห์
            การศึกษาพบว่า พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างอาณาจักรอยุธยาและล้านช้าง ทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องหมายแสดงขอบเขตพระราชอำนาจของอาณาจักรทั้งสอง อย่างไรก็ตามชาวบ้านได้แปรเปลี่ยนความหมายพระธาตุศรีสองรักให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อและระบบคุณค่าของตน ขณะเดียวกันในปัจจุบันที่ทุกภาคส่วนเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยว พร้อมกับมีความพยายามส่งเสริมกันอย่างเข้มข้น การท่องเที่ยวได้เปิดโอกาสให้คนด่านซ้ายได้แสดงออกซึ่งตัวตน และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ผ่านการผลักดันพระธาตุศรีสองรักให้กลายเป็น“พื้นที่ท่องเที่ยว” ขึ้นมา

Article Details

บท
บทความวิชาการ

References

การศาสนา,กรม.(2535).ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่มที่11.กรุงเทพ: โรงพิมพ์การศาสนา.

คำฝูง เชื้อบุญมี. (2553.) สัมภาษณ์ วันที่ 7 พฤษภาคม. 2553

ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. (2545). ตำนานพุทธเจดีย์.กรุงเทพฯ : มติชน.

ถาวร เชื้อบุญมี. (2553) สัมภาษณ์ วันที่ 2 พฤษภาคม. 2553

ไทยรัฐออนไลน์. (2558). ชาวบ้าน อ.ด่านซ้าย กว่า 500 คนแห่ค้าน ยก ‘พระธาตุศรีสองรัก’เป็นวัด.สืบค้นเมื่อวันที่

ธันวาคม 2564 จาก https://www.thairath. co.th/news/local/494740.

ณ ปากน้ำ. (2523). “สถูปเจดีย์ทางภาคอีสานของไทย” .วารสารเมืองโบราณ. ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ธันวาคม 2522-มกราคม 2523

บ้านเมืองออนไลน์. (2564). เรื่องใหญ่! สำนักพุทธฯฟ้องศาลทวงคืนพระธาตุศรีสองรัก ยันเป็นวัด.สืบค้นเมื่อ

วันที่ 8 ธันวาคม 2564 จาก https://www.banmuang.co.th/news/region/257310.

บุญมา เสริฐศรี. (2539). “ปาฐกถาเรื่องสภาพจังหวัดเลย”ปาฐกถาของผู้แทนราษฎรเรื่องสภาพของจังหวัดต่างๆ.

กรุงเทพฯ : สมาคมมิตรภาพญี่ปุ่น-ไทย.

บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2548). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ธุรกิจที่ไม่มีวันตายของประเทศไทย.กรุงเทพฯ:

สำนักพิมพ์ ซี. พี.บุ๊คสแตนดาร์ด.

ประยุทธิ์ สิทธิพันธ์. (2503). เที่ยว71 จังหวัดรอบเมืองไทย.กรุงเทพฯ: กรุงธน.

ประสาร บุญประคอง.(2512). “คำอ่านศิลาจารึกอักษรไทยเหนือ ภาษาไทย มาจากวัดพระธาตุศรีสองรัก”.วารสาร

ศิลปากร. ปีที่ 13 เล่ม 1 พฤษภาคม.

ภักดี สืบนุการณ์ และคณะ. (2547). รายงานฉบับสมบูรณ์การการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม กรณีศึกษา

บ้านด่านซ้าย บ้านนาเวียง และนาหอ ลุ่มน้ำหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย. โครงการอบรมและวิจัยเชิง

ปฏิบัติการทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและชาติพันธุ์ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย

(สกว.).

มหาดไทย,กระทรวง. (2525). ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดเลย.กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิชจำกัด.

รัตนา แสงสว่าง. (2553). ห้องสมุดผู้สูงอายุจังหวัดเลย.เลย: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม121 ตอนพิเศษ129ง วันที่ 18 พฤศจิกายน 2547.

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่52 หน้า3698 วันที่8 กุมภาพันธ์ 2478.

ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่99 ตอนที่155 วันที่21 ตุลาคม 2525.เรื่องจังหวัดต่างๆในประเทศไทย เล่ม3. (2500).

กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อุดม.

ศรีศักร วัลลิโภดม. (2546). ความหมายของพระบรมธาตุในอารยธรรมสยามประเทศ.กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์เมือง

โบราณ.

ศิลปากร,กรม. (2529). จารึกในประเทศไทยเล่ม5.กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติกรมศิลปากร.

สนอง อุปลา, ร้อยตำรวจเอก. (2546).พัฒนาการประเพณีผีตาโขน อ าเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย.วิทยานิพนธ์ศิลป

ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไทยศึกษาเพื่อการพัฒนา สถาบันราชภัฏเลย.

สนอดกราส, เอเดรียน.(2541).สัญลักษณ์แห่งพระสถูป. กรุงเทพฯ:อัมรินทร์วิชาการ.

สัมฤทธิ์ สุภามา. (2544). บทบาทเจ้าพ่อกวนเจ้าแม่นางเทียมต่อชุมชน:กรณีอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย .วิทยานิพนธ์

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไทยศึกษาเพื่อการพัฒนา สถาบันราชภัฏเลย.

สาร สาระทัศนานันท์. (2528). พระธาตุศรีสองรักและเมืองด่านซ้าย.เลย : ม.ป.พ.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเลย. (2547). พระธาตุศรีสองรักดินแดนแห่งสัจจะและไมตรี อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย.

เลย: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเลย.

สีไพร,พระ. (2553) สัมภาษณ์ วันที่ 28 เมษายน.

อ าเภอด่านซ้าย.(2552).บรรยายสรุปด่านซ้าย.ด่านซ้าย: เอกสารอัดส าเนา.

แอมอนิเยและเอเจียน.(2539).บันทึกการเดินทางในลาว ภาคหนึ่ง พ.ศ.2438.เชียงใหม่: โครงการผลิต

เอกสารส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านสถาบันวิจัยสังคมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.