ผลกระทบจากการระบาดของโรคลัมปีสกินต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดขอนแก่น ลัมปีสกินในจังหวัดขอนแก่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคม สภาพการเลี้ยงโคเนื้อ และผลกระทบจากโรคลัมปีสกินต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดขอนแก่น ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดขอนแก่นในปี 2565 จำนวน 50,191 ราย คำนวณขนาดตัวอย่างของ Yamane ที่ระดับความคลาดเคลื่อน 0.06 ขนาดตัวอย่างคือ 277 ราย ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรเป็นเพศหญิง (ร้อยละ 57.8) อายุเฉลี่ย 56.9 ปี แรงงานในการเลี้ยงโคเนื้อเฉลี่ย 2.1 คน ประสบการณ์เลี้ยงโคเนื้อเฉลี่ย 15.2 ปี ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกอบรมการป้องกันและควบคุมโรคลัมปีสกิน (ร้อยละ 79.1) มีจำนวนโคเนื้อที่เลี้ยงเฉลี่ย 6.94 ตัวต่อครัวเรือน ส่วนใหญ่เลี้ยงโคเนื้อพันธุ์พื้นเมือง (ร้อยละ 71.5) เกษตรกรสร้างคอกไว้นอกเขตชุมชน (ร้อยละ 65.3) มีรั้วกั้นคนและปศุสัตว์เข้าออกฟาร์ม (ร้อยละ 96.4) ไม่มีคอกพักโคใหม่ก่อนที่นำเข้าคอก (ร้อยละ 85.6) ไม่มีซองบังคับสัตว์ หรือคอกแยกสัตว์ (ร้อยละ 90.3) มีการติดไฟหรือจุดกองไฟไล่แมลง (ร้อยละ 88.4) ไม่มีการกางมุ้งให้โคในคอก (ร้อยละ 54.2) และไม่มีการบันทึกประวัติโค (ร้อยละ 98.6) ในรอบปี 2565 พบว่า เกษตรกรมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำ (ร้อยละ 92.4) โดยฉีดวัคซีนโรคปากเท้าเปื่อยมากที่สุด (ร้อยละ 91.4) และฉีดวัคซีนโรคลัมปีสกิน (ร้อยละ 87.4) มีการระบาดของโรคลัมปีสกินภายในฟาร์ม (ร้อยละ 83.4) เกษตรกรมีโคเนื้อตายจากโรคลัมปีสกินคิดเป็นร้อยละ 62.0 โคเนื้อมีอัตราการป่วย และตายจากโรคลัมปีสกินคิดเป็นร้อยละ 25.1 และร้อยละ 2.5 ตามลำดับ โดยโคแม่พันธุ์มีอัตราการป่วยสูงสุด (ร้อยละ 46.9) และลูกโคเพศเมียมีอัตราอัตราการตายสูงสุด (ร้อยละ 32.7 ) เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายในการรักษาโคป่วยเฉลี่ย 2,390.74 บาทต่อราย และสูญเสียรายได้จากโคตายเฉลี่ย 62,806.45 บาทต่อราย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อเขียนหรือบทความใดๆ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิจัยและพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Online) ฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะส่วนตัวของผู้เขียนและกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และวารสารวิจัยและพันาอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง (Online) ไม่มีข้อผูกพันธ์ประการใดๆ อนึ่งกองบรรณาธิการวารสารยินดีรับพิจารณาบทความจากนักวิชาการ นักศึกษา ตลอดจนผู้อ่าน และผู้สนใจทั่วไป เพื่อนำลงตีพิมพ์ สำหรับบทความจะผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกสถาบัน
เอกสารอ้างอิง
กรมปศุสัตว์. (2564). กรมปศุสัตว์คุมเข้ม!! โรคลัมปีสกิน เร่งนำเข้าวัคซีน กำกับโรคให้สงบโดยเร็ว. สืบค้นค้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564, จาก https://dld.go.th/th/images/stories/hotissue/lumpy_skin /25640507_1/press_Lumpy_6_5_64.pdf
กรมปศุสัตว์. (2565). LSD กรมปศุสัตว์. สืบค้นค้นเมื่อวันที่7 ตุลาคม 2565, จาก https://sites.google.com/view/dldlsd/
กฤตพล สมมาตย์. (2564). มข.โคบาลอาสารักษาวัวลัมปีสกิน. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คลังข้อมูลงานวิจัยไทย. สืบค้นค้นเมื่อวันที่10 สิงหาคม 2565, จากhttps://cmudc.library.cmu.ac.th/frontend/Info/item/dc:176902
จตุพร กระจายศรี. (2564). ลัมปีสกิน โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ในประทศไทย. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.), 10(1), 1-13.
บุญชม ศรีสะอาด. (2538). หลักการวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน.
สำนักงานจังหวัดขอนแก่น. (2564). แผนการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นพ.ศ. 2566 – 2570 สืบค้นค้นเมื่อวันที่10 กันยายน 2565,จาก https://www.khonkaen.go.th/khonkaen6/main.php?cont=vision
สุปราณี สีหาราช. (2567). คู่มือเรื่องโรคลัมปีสกินในโค กระบือ: อาการ การรักษา ระบาดวิทยาและการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ. ขอนแก่น: ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันเฉียงเหนือตอนบน กรมปศุสัตว์.
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดขอนแก่น. (2565). สถานการณ์โรคลัมปีสกินจังหวัดขอนแก่น. สืบค้นค้นเมื่อวันที่14 มิถุนายน 2565,จาก https://pvlo-kkn.dld.go.th/webnew/index.php/th/
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2565). สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญและแนวโน้มปี 2566. กรุงเทพฯ: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่. (2559). แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564. กรุงเทพฯ: สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
Chouhan, C. S., Parvin, M. S., Ali, M. Y., Sadekuzzaman, M., Chowdhury, M. G. A., Ehsan, M. A., and Islam, M. T. (2022). Epidemiology and economic impact of lumpy skin disease of cattle in Mymensingh and Gaibandha districts of Bangladesh. Transboundary and Emerging Diseases, 69(6), 3405–3418.
https://doi.org/10.1111/tbed.14697
Dubey A., Ghosh N., Gupta A., and Singh, S. (2023). A review on current epidemiology and molecular studies of lumpy skin disease virus-an emerging worldwide threat to domestic animals. Journal of Medical Pharmaceutical and Allied Sciences, 12(1), 5635-5643.
Knopvelsiekte, N. (2017). Lumpy Skin Disease. Retrieved September 3, 2021,
from https://www.cfsph.iastate.edu/Factsheets/pdfs/lumpy_skin_disease.pdf
Nobel, M. F. L., Antora, F. H., Mim, M. A., Nasrin, M., Rahman, A. K. M. A., and Siddiqi, M. N. H. (2024).
Prevalence, duration of illness, and mortality of lumpy skin disease at Chuadanga Sadar Upazila, Bangladesh. Bangladesh Journal of Veterinary Medicine, 21(2), 91-98.
https://doi.org/10.33109/bjvmjd2023fam6
Ochwo, S., VanderWaal, K., Munsey, A., Nkamwesiga, J., Ndekezi, C., Auma, E., & Mwiine, F. N. (2019). Seroprevalence and risk factors for lumpy skin disease virus seropositivity in cattle in Uganda. BMC veterinary research, 15(1), 236. https://doi.org/10.1186/s12917-019-1983-9
Roche, X., Rozstalnyy, A., TagoPacheco, D., Pittiglio, C., Kamata, A., Beltran Alcrudo, D., Bisht, K.,
Karki, S., Kayamori, J., Larfaoui, F., Raizman, E., VonDobschuetz, S., Dhingra, M.S. and Sumption, K. (2020). Introduction and spread of lumpy skin disease in South, East and Southeast Asia: Qualitative risk assessment and management. FAO animal production and health, Paper 183. Rome, FAO. https://doi.org/10.4060/cb1892en
Tuppurainen, E. S. M., Babiuk, S., & Klement, E. (2018). Lumpy Skin Disease. Switzerland: Springer International Publishing AG.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory statistic. Second Edition. New York: Harper & Row