การใช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษแก่นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565

ผู้แต่ง

  • Somprasong Trathong -

คำสำคัญ:

การกระทำความผิดซ้ำ, สิทธิและเสรีภาพ, มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ

บทคัดย่อ

เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะนำผู้กระทำความผิดในคดีเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้
ความรุนแรงที่กระทำความผิดเป็นครั้งแรก หรือหลังผู้กระทำความผิดซ้ำและคาดการณ์จากพฤติการณ์เหตุอันควรเชื่อว่ามีโอกาสจะออกไปกระทำความผิดซ้ำซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของสังคมส่วนรวมและผู้เสียหาย ประเทศไทยได้มีการตราพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 เพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดซ้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้วิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษแก่นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัตินี้แล้วพบว่า มีประเด็นปัญหาทางกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ได้แก่ 1)  ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ ซึ่งเป็นมาตรการที่จำกัดเสรีภาพนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ 2)  ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ อาจขัดกับหลักที่ว่าบุคคลไม่อาจถูกลงโทษหลายครั้งสำหรับการกระทำความผิดครั้งเดียว จากการศึกษาพบว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ (UN Human Rights Committee) ได้ทำความเห็น (General Comment) ไว้ในหมายเลข 35 ย่อหน้าที่ 21 ว่า เมื่อโทษทางอาญาประกอบด้วยช่วงเวลาที่มีการลงโทษตามด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่การลงโทษ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้อง
ความปลอดภัยของบุคคลอื่น เมื่อระยะเวลาการจำคุกตามโทษลงโทษเสร็จสิ้นลง เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน การกักขังเพิ่มเติมจะต้องมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือจากความร้ายแรงของอาชญากรรมที่กระทำ และความเป็นไปได้
ที่ผู้ต้องขังจะกระทำอาชญากรรมในอนาคต ควรใช้การกักขังเช่นนี้เป็นมาตรการสุดท้ายเท่านั้น สภาพการกักขังเช่นนี้จะต้องแตกต่างจากสภาพของนักโทษที่รับโทษทางอาญา หากนักโทษได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ในขณะตัดสินโทษครบถ้วนแล้ว มาตรา 9 และ 15 ห้ามการเพิ่มโทษย้อนหลังจากการศึกษาครั้งนี้จึงเสนอให้มี
การปรับปรุงพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของนักโทษเด็ดขาดกับการคุ้มครองความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ดังนี้

1)  แก้ไขนิยามของ “คุมขัง”เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565

2)  แก้ไขชื่อหมวด 5 จาก “มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ” เป็น “มาตรการคุมขังเพื่อความปลอดภัยภายหลังพ้นโทษ”

3)  เพิ่มบทบัญญัติมาตรา 28 วรรคสอง คือ “ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้กับนักโทษเด็ดขาดที่ในระหว่างต้องโทษจำคุกนั้นได้รับโทษเต็มคำพิพากษา” เพื่อแก้ปัญหากฎหมายกรณีการลงโทษหลายครั้ง สำหรับการกระทำความผิดครั้งเดียวกัน เนื่องจากระยะเวลาต้องโทษเต็มคำพิพากษายาวนานกว่า 3 ปี และไม่เป็นการเพิ่มโทษย้อนหลัง

 

เอกสารอ้างอิง

รายงานสติติผู้ต้องราชทัณฑ์, ‘สถิติจำนวนผู้ต้องขัง พ.ศ. 2533 ถึง พ.ศ. 2566’ (กรมราชทัณฑ์) <http://www.correct.go.th/stathomepage/> สืบค้นวันที่ 4 ตุลาคม 2567.

ประเทือง ธนิยผล, อาชญาวิทยาและทัณฑวิทยา, (พิมพ์ครั้งที่ 3, มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2548) 134.

สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา, ‘มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำของผู้กระทำความผิดอุกฉกรรจ์ที่ใช้ความรุนแรง’ (2564) 18 วารสารจุลนิติ 1, 1.

สุพิชฌาย์ ศิริวัฒนา สีตะสิทธิ์, ‘แนวทางที่เหมาะสมในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมไทย’ (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 2558).

ที่ ศย 016 /ว 365 ‘เรื่อง ข้อพิจารณาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565’ (สำนักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม) <https://jla.coj.go.th/th/content/category /detail/id/1602/iid/344684> สืบค้นวันที่ 9 ตุลาคม 2566.

สุพิศ ปราณีตพลกรัง, หลักและทฤษฎีกฎหมายอาญา (พิมพ์ครั้งที่ 3, นิติธรรม 2566), 180-181.

อัจฉรียา ชูตินันทน์, อาชญาวิทยา และทัณฑวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 5, วิญญูชน 2566), 226.

เพิ่งอ้าง 207-211.

เพิ่งอ้าง 220-221.

สุพิชฌาย์ ศิริวัฒนา สีตะสิทธิ์, ‘แนวทางที่เหมาะสมในการลงโทษและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดซ้ำในกระบวนการยุติธรรมไทย’ (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 2558).

อรรถพล วงศ์กระจ่าย, สุปรีชา ชำนาญพุฒิพร, วชิรวิชญ์ อิทธิธนาศุภวิทญ์ และสุภาพ เต็มรัตน์, ‘การทบทวนวรรณกรรม: การกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขับคดีเพศและความรุนแรง ตามพระราช บัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565’ (2566) 8 วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์ 198, 202.

Lockyear v. Andrade, 538 U.S.63 (2003), ‘Three Strikes Legislation’ accessed 25 June 2024.

Case of HMA v David Andrew Johnstone, (October 8, 2020) accessed 25 June 2024.

Case of Adian Bayley <https://www.supreme court.vic.gov.au/news/judgment-handed-down-in-bayley-v-the-queen> accessed 25 June 2024.

Edward Butts, Article Paul Bernardo and Karla Homolka Case <https://www.thecanadianencyclopedia.ca/en/article/paul-bernardo-and-karla-homolka-case> accessed 25 June 2024.

Independent Police Conduct Authority, Report into the Shooting of Graeme Burton February 2008 <https://www.ipca.govt.nz/includes/download.aspx?ID=101413> accessed 25 June 2024.

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 <https://www.ratchakitcha.soc.go.th /DATA/PDF /2560/A/123/1.PDF> สืบค้นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566.

กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (กระทรวงการต่างประเทศ, 2551) 18.

คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการบรรณาธิการหนังสือหลักนิติธรรม, หลักนิติธรรม (พี เอส พริ้นติ้ง แอนด์ ดีไซน์, 2557) 1-2, 7.

สหภาพยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน, ‘แนวปฏิบัติของสหภาพยุโรปต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน’ <https://www.eeas.europa.eu/sites/default /files/eu_guide_hrd_2020_pdf_final.pdf> สืบค้นวันที่ 10 ตุลาคม 2567.

สำนักงานศาลปกครอง, ‘เกร็ดความรู้...เกี่ยวกับศาลปกครอง’ สืบค้นวันที่ 10 ตุลาคม 2567.

คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อร. 22/2563, 16-17.

ไทย. กฎหมาย, พระราชบัญญัติ ฯลฯ, ‘พระราชบัญญัติดัดสันดานคนจรจัด และคนที่เคยต้องโทษหลายครั้ง’ <https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:47957> สืบค้นวันที่ 7 ธันวาคม 2566.

พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479, ราชกิจจานุเบกษา 54 (26 เมษายน 2480), 198.

พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559, ราชกิจจานุเบกษา 133 (3 ตุลาคม 2559), 11.

พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560, ราชกิจจานุเบกษา 134 (18 กุมภาพันธ์ 2560), 13.

สำนักงานกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม, ประมวลกฎหมายอาญา, <https://jla.coj. go.th/th/content/category/detail/id/8/cid/113/iid/121230> สืบค้นวันที่ 7 ธันวาคม 2566.

นริศรา แดงไผ่, ‘มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดที่ใช้ความรุนแรง’ (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) <https://www.ocs.go.th/static/ content/right/resources/20240228BGXHGJKD_448.pdf> สืบค้นวันที่ 24 มิถุนายน 2567

Federal Ministry of Justice, German Criminal Code <https://www.gesetze-im-internet.de/englisch_stgb/index.html> accessed 5 December 2023.

Case of Bergmann v. Germany (Application no. 23279/14) <https://hudoc.echr.coe.int/engpress#{%22fulltext%22:[%22Bergmann%20v.%20Germany%20(Application%20No.%2023279/14)%22]}> accessed 14 April 2023.

Ministry of Justice, Japan, White Paper on Crime 2022 <https://hakusyo1.moj.go.jp/en/71/WHITE_PAPER_ON_CRIME2022.pdf> accessed 6 December 2023.

Japanese Law Translation, Offender Rehabilitation Act <https://www.japaneselawtranslation.go.jp/en/laws/view/3319/en#:~:text=Article%201The%20purpose%20of,themselves%2C%20and%20to%20ensure%20the> accessed 5 December 2023.

United Nation and Human Rights Committee, General Comment No. 35 Article 9 Liberty and security of person, (CCPR) https://digitallibrary.un.org/record/786613?ln= en&v=pdf accessed 23 June 2024.

รณกรณ์ บุญมี, ‘บทวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. ...’ สืบค้นวันที่ 9 ตุลาคม 2566.

ปกป้อง ศรีสนิท, ‘มีอะไรในกฎหมาย: กฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ’ สืบค้นวันที่ 15 มกราคม 2567.

1-วารสารบัณฑิตกฎหมายเพื่อการพัฒนา-การใช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษแก่นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 28  แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-03-25

รูปแบบการอ้างอิง

Trathong, S. (2025). การใช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษแก่นักโทษเด็ดขาดตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565. วารสารบัณฑิตกฎหมายเพื่อการพัฒนา, 2(1), 1–15. สืบค้น จาก https://so14.tci-thaijo.org/index.php/LAWFORDEV/article/view/1285