สิทธิชุมชนในการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรรอบบึงกระจังงาม ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์
คำสำคัญ:
สิทธิชุมชน , การจัดการน้ำเพื่อการเกษตร , หลักสาราณียธรรม 6บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสิทธิชุมชนในการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรรอบบึงกระจังงาม ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 2) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของหลักสาราณียธรรมกับสิทธิชุมชนในการจัดการน้ำ และ 3) เสนอแนวทางในการบริหารจัดการสิทธิของชุมชนในการบริหารจัดการน้ำตามหลักสาราณียธรรม เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วย การวิจัยเชิงปริมาณโดยแจกแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่น 0.978 กับผู้ใช้น้ำรอบบึงกระจังงามโดยใช้สูตรทาโร ยามาเนได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 319 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยเลือกแบบเจาะจงจำนวน 21 รูป/คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์และวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา พบว่า ระดับสิทธิชุมชนในการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรรอบบึงกระจังตามหลักสาราณียธรรม โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ( = 4.05, S.D. = 0.69) และระดับสิทธิชุมชนในการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรรอบบึงกระจังตามตามแนวทางบริหารจัดการทรัพยากรร่วมของ Elinor Ostrom โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ (
= 4.01, S.D. = 0.57) ขณะที่ความสัมพันธ์ของหลักสาราณียธรรม กับสิทธิชุมชนในการจัดการน้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.01โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์ในทางบวกหรือความสัมพันธ์กันในลักษณะที่คล้อยตามกันเป็นคู่ โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูง (r=0.617**) และแนวทางในการบริหารจัดการสิทธิของชุมชนในการบริหารจัดการน้ำตามหลักสาราณียธรรม 6 พบว่า 1) การบริหารจัดการน้ำที่ดีเกิดจากการที่สมาชิกทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมบนหลักของเหตุและผล 2) มีการกล่าวขอบคุณหรือชมเชยเมื่อได้รับการแก้ไขปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ หรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำ 3) สมาชิกผู้ใช้น้ำได้ตระหนักถึงกฎระเบียบความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ
เอกสารอ้างอิง
กิตติศักดิ์ ปรกติ. (2550). สิทธิของบุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชน. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ.
ขนิษฐา ยกซื้อ (2559) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา บ้านแม่สะแง๊ะ หมู่ 15 ตำบลทากาศเหนือ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน. [วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทไม่ได้ตีพิมพ์] มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นิตยา โพธิ์นอก และรัชวดี แสงมหะหมัด. (2565). การเสริมสร้างศักยภาพชุมชนเพื่อใช้สิทธิในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาชุมชนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา. สถาบันพระปกเกล้า.
พันธ์ศักดิ์ สายเกียรติวงศ์ และคณะ (2565) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมการใช้ทรัพยากรน้ำ ของกลุ่มผู้ใช้น้ำพื้นที่ลุ่มน้ำเกี๋ยน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 13(2),181-192.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540. (2540, 11 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 114, ตอนที่ 55 ก, หน้า 10.
สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 2. (2567). การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ. https://www.facebook.com/ profile/100064870530777/search/?q=%.
อัจฉรี สิงโต. (2565). ภัยแล้งทางการเกษตรของไทย. https://webapp.ldd.go.th/lpd/node _modules/Article_Lpd/Article_Lpd1_1/
อัษฎา บุษบงค์. (2557). การกำหนดกติกาการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำในป่าพรุฉิมพลีอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน. (รายงานการวิจัย). โครงการลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา.
อำพา แก้วกำกง และคณะ. (2564) สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี: กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย: รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์. (รายงานการวิจัย). สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Kongthong, O. & Ratanachai, C. (2012). Civil Society in the Songkla Lake Basin. CRBOM Small Publications Series, 45, 1-9.
Ostrom, E. (2015). Governing the Commons: The Evolution of Institutions for Collective Action. Cambridge University Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ก่อนเท่านั้น


