จริยธรรมการตีพิมพ์

 

วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society กำหนด Publication Ethics (จริยธรรมการตีพิมพ์) (https://publicationethics.org/) เพื่อให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานด้านจริยธรรมในการตีพิมพ์เผยแพร่บทความ ดังนั้นจึงกำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามหลักการและมาตรฐานด้านจริยธรรมในการตีพิมพ์อย่างเคร่งครัด ดังนี้ 

 

บทบาทหน้าที่ของบรรณาธิการและกองบรรณาธิการ

1.

การพิจารณาเบื้องต้น บรรณาธิการและกองบรรณาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบบทความทุกฉบับที่ส่งเข้ามา โดยพิจารณาความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสาร และประเมินคุณภาพทางวิชาการอย่างรอบคอบก่อนเข้าสู่กระบวนการตีพิมพ์

2.

ความเป็นกลางทางวิชาการ การพิจารณาต้องยึดหลักเหตุผลเชิงวิชาการโดยปราศจากอคติ ไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้นิพนธ์หรือเนื้อหา ไม่ว่ากรณีใด

3.

ความโปร่งใสและผลประโยชน์ทับซ้อน บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งในทางธุรกิจหรือการนำบทความไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการส่วนตน

4.

การสื่อสารระหว่างผู้นิพนธ์และผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องไม่แทรกแซง เปลี่ยนแปลง หรือปิดกั้นข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้นิพนธ์กับผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้กระบวนการประเมินเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และมืออาชีพ

5.

การรักษาความลับ ต้องรักษาความลับของผู้นิพนธ์และผู้ประเมินอย่างเคร่งครัด ห้ามเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างกระบวนการประเมิน

6.

การปฏิบัติตามระเบียบวารสาร ต้องดำเนินการตามขั้นตอนและแนวปฏิบัติของวารสารอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษามาตรฐานทางวิชาการและจริยธรรม

7.

การตรวจสอบการคัดลอกผลงาน (Plagiarism) ต้องใช้โปรแกรมที่ได้รับการยอมรับ เช่น “อักขราวิสุทธิ์” หรือ “CopyCatch” ในการตรวจสอบการคัดลอก โดยบทความต้องมีระดับความซ้ำซ้อนไม่เกิน 20% หากพบการลอกเลียน ต้องหยุดกระบวนการพิจารณา และติดต่อผู้นิพนธ์หลักเพื่อขอคำชี้แจงก่อนพิจารณาว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์

8.

หลักฐานในการปฏิเสธบทความ การปฏิเสธบทความต้องมีหลักฐานและเหตุผลที่ชัดเจน ห้ามปฏิเสธด้วยข้อสงสัยหรือความไม่แน่ใจโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง

9.

การตรวจสอบขั้นสุดท้ายก่อนตีพิมพ์ ก่อนการตีพิมพ์ บรรณาธิการต้องตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ของบทความ โดยต้องไม่แก้ไขเนื้อหาที่กระทบต่อสาระสำคัญหรือความหมายเชิงวิชาการของต้นฉบับ

 

บทบาทหน้าที่ของผู้เขียนบทความ

1.

บทความที่ส่งเพื่อขอตีพิมพ์ต้องเป็นผลงานต้นฉบับที่ไม่เคยเผยแพร่หรือตีพิมพ์มาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาในวารสารหรือแหล่งอื่นใด

2.

ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้องทุกครั้งเมื่อใช้ข้อมูลหรือผลงานของผู้อื่น และห้ามคัดลอกหรือละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบใด ๆ รวมถึงข้อความ เนื้อหา ภาพ ตาราง หรือข้อมูลประกอบอื่น ๆ หากเกิดการละเมิด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการถอนบทความออกจากการเผยแพร่ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

3.

บทความที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ห้ามนำไปดัดแปลง แก้ไข หรือแปลเป็นภาษาอื่นเพื่อเสนอขอตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือสื่ออื่น ไม่ว่ารูปแบบใด

4.

รายชื่อผู้เขียนต้องประกอบด้วยผู้ที่มีส่วนร่วมจริงในกระบวนการวิจัยหรือการเขียนบทความ และเป็นไปตามจรรยาบรรณทางวิชาการ

5.

ผู้เขียนต้องจัดทำบทความตามรูปแบบและข้อกำหนดที่ระบุไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน” ของวารสารอย่างเคร่งครัด

6.

ต้องแก้ไขบทความตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้น วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการตีพิมพ์ และไม่คืนค่าธรรมเนียมไม่ว่ากรณีใด

7.

หากได้รับทุนสนับสนุน ผู้เขียนต้องระบุชื่อแหล่งทุนให้ชัดเจน และเปิดเผยผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี) อย่างโปร่งใส

8.

หากบทความเกี่ยวข้องกับการใช้สัตว์ทดลอง มนุษย์ อาสาสมัคร หรือมีประเด็นที่อ่อนไหว ผู้เขียนต้องดำเนินการตามหลักจริยธรรมการวิจัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้ข้อมูลล่วงหน้า และแนบหนังสือรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง

9.

ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของบทความ หากพบข้อผิดพลาดหลังการเผยแพร่ ต้องแจ้งให้วารสารทราบทันทีเพื่อดำเนินการแก้ไข

 

บทบาทหน้าที่ของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ

1.

ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และต้องพิจารณาบทความโดยยึดหลักวิชาการ ความถูกต้องของเนื้อหา และคุณภาพทางวิชาการเป็นสำคัญ โดยปราศจากอคติ ความลำเอียง หรือความขัดแย้งส่วนตัว

2.

ต้องตระหนักว่าตนมีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของบทความที่รับพิจารณาอย่างแท้จริง เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างมีคุณภาพและเชื่อถือได้

3.

ต้องไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนจากเนื้อหาหรือข้อมูลภายในบทความที่ตนได้รับมอบหมายให้ประเมิน

4.

หากตรวจพบว่าบทความที่รับประเมินมีการคัดลอกหรือละเมิดผลงานของผู้อื่น ผู้ทรงคุณวุฒิต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบโดยเร็ว พร้อมแสดงหลักฐานประกอบอย่างชัดเจน

5.

ต้องดำเนินการประเมินบทความภายในระยะเวลาที่วารสารกำหนด และต้องรักษาความลับของบทความ ไม่เปิดเผยเนื้อหาหรือข้อมูลใด ๆ แก่บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

6.

ห้ามนำข้อความหรือเนื้อหาส่วนใดจากบทความที่ตนประเมินไปใช้เป็นผลงานของตนเองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้นิพนธ์หรือวารสาร

7.

ต้องให้ความเห็นและข้อเสนอแนะอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักวิชาการ ความถูกต้อง และความเหมาะสมทางเนื้อหา เพื่อส่งเสริมให้บทความมีความสมบูรณ์ และสามารถเผยแพร่ในระดับวิชาการได้อย่างมีคุณภาพ

8.

ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และต้องพิจารณาบทความโดยยึดหลักวิชาการ ความถูกต้องของเนื้อหา และคุณภาพทางวิชาการเป็นสำคัญ โดยปราศจากอคติ ความลำเอียง หรือความขัดแย้งส่วนตัว

9.

ต้องตระหนักว่าตนมีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของบทความที่รับพิจารณาอย่างแท้จริง เพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างมีคุณภาพและเชื่อถือได้