การพัฒนาระบบตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บทคัดย่อ

ปัจจุบันการจัดเก็บข้อมูลหนังสือและวารสารนั้นจัดเก็บอยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายด้วยการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์หรือระบบที่ได้มีการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ แต่มักจะพบปัญหาลิงก์ไม่สามารถใช้งานได้ โดยกระบวนการทำงานเดิมนั้นต้องใช้ผู้ปฏิบัติงานในการช่วยกันตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับให้บริการซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบมาก และอาจเกิดความผิดพลาดในการตรวจสอบได้เนื่องจากปริมาณของสารสนเทศที่ให้บริการนั้นมีปริมาณมาก ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการพัฒนาระบบตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งระบบที่พัฒนาสามารถตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทั้งยังส่งสรุปผลการตรวจสอบข้อมูลให้ผู้ดูแลข้อมูลสารสนเทศในแต่ละวันด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตรวจสอบข้อมูลของการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เวลาน้อย ไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณสถิติการใช้ฐานข้อมูล ผู้ดูแลข้อมูลสามารถเรียกดูรายงานระหว่างวันเพื่อทำการตรวจสอบการเชื่อมโยงที่มีปัญหาผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ งานวิจัยนี้จะทำการทดสอบระบบกับฐานข้อมูลตัวอย่างจำนวน 3 ฐานข้อมูล ได้แก่ Open E-Books CMU E-Theses และ CMU E-Research จำนวนรวมทั้งหมด 7479  รายการ ดำเนินการพัฒนาระบบด้วยหลักวงจรกระบวนการพัฒนาระบบ Software Development Life Cycle (SDLC) 7 ขั้นตอน ให้พัฒนาระบบได้อย่างมีมาตรฐาน และรองรับการปรับปรุงพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้มีการจัดการระดับบริการ Services Level Agreement (SLA) โดยการสร้างกรอบและมาตรฐานการให้บริการการเชื่อมโยงข้อมูลเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย ผลการพัฒนาครั้งนี้พบว่า หากใช้คนตรวจสอบจะใช้เวลาอยู่ที่รายการละ 1 นาที รวมใช้เวลาทั้งหมด 124 ชั่วโมง 39 นาที แต่เมื่อใช้ระบบตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำการตรวจสอบลิงก์จำนวน 7,479 รายการ โดยใช้เวลาตรวจสอบอยู่ที่ 23 นาที 53 วินาที ซึ่งทำให้สามารถลดเวลาในการทำงานลงคิดเป็นร้อยละ 99.68 เมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องใช้บุคลากรในการตรวจสอบซึ่งระบบสามารถตรวจสอบและส่งรายงานสรุปผลการตรวจสอบ โดยแบ่งผลการตรวจสอบข้อมูลเป็นคอลเล็กชันและแนบรายละเอียดในแต่ละวัน ทำให้สามารถทราบถึงปัญหาในการเชื่อมต่อข้อมูลได้ทันที และเพื่อให้การปฏิบัติงานมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นจึงได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาเมื่อพบกับข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าใช้งานได้โดยใช้การจัดการระดับบริการ (SLA) ซึ่งผู้ปฏิบัติงานใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งสิ้นไม่เกิน 2 วันทำการและต้องดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด