บทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในการพัฒนาท้องถิ่น กรณีศึกษา : อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การพัฒนาท้องถิ่น , บทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบล , แนวทางในการพัฒนาบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นของบุคลากรที่มีต่อบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในการพัฒนาท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด และ 2) เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในการพัฒนาท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ บุคลากรองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 150 คน โดยใช้สูตรคำนวณของทาโรยามาเน่ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติในหารหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ความคิดเห็นของบุคลากรที่มีต่อบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในการพัฒนาท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งสิ้น 6 ด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.07) โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (
= 4.26) ด้านส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิต (
= 4.21) ด้านเศรษฐกิจชุมชน (
= 4.07) ด้านการศึกษา วัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น (
= 4.02) ด้านรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (
= 3.92) และด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (
= 3.87) และ 2) ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในการพัฒนาท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด บุคลากรมีข้อเสนอแนะที่สำคัญคือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลต้องมีองค์ความรู้เกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท้องถิ่น พร้อมทั้งต้องบริหารงานด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานได้ รวมถึงต้องมีความรู้และทักษะในการกำกับ ดูแล ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานให้เป็นไปตามระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนในการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในการตอบสนองความต้องการในด้านการพัฒนาท้องถิ่นโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ
เอกสารอ้างอิง
เกศสุดา โภคานิตย์และกีฬา หนูยศ (2560). บทบาทผู้นำในการพัฒนาท้องถิ่น กรณีศึกษานายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 5(พิเศษ), 66-76.
โกวิทย์ พวงงาม (2543). การปกครองท้องถิ่นไทย : หลักการและมิติใหม่ในอนาคต. วิญญูชน.
เทวกร แก้วเพ็ญศรี และผิน ปานขาว. (2564). บทบาทการพัฒนาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา, 15(1), 144-158.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2555). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. (พิมพ์ครั้งที่ 13). บิสซิเนสอาร์แอนด์.
นราศรี ไวยวนิชกุล และชูศักดิ์ อุดมศรี. (2548). ระเบียบวิจัยธุรกิจ. (พิมพ์ครั้งที่ 15). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). หลักการวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). สุวิริยาสาส์น.
พงศ์ศักดิ์ ศิริกาญจนรักษ์ (2553). ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อบทบาทของนายกเทศมนตรีตำบลนามน อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์. [การศึกษาค้นคว้าอิสระระดับปริญญาโทไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
พงษ์เมธี ไชยศรีหา (2566). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าสู่การเมืองของสตรี ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 13(4), 1-15.
พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 5). (2546, 22 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 120 ตอนที่ 124ก, หน้า 16-37.
ภานุวัฒน์ กิตติกรวรานนท์ รัตนพิมลพลแสน และคณะ. (2566). การจัดการความรู้ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น กรณีศึกษา : ประเพณีบุญบั้งไฟ ตำบลดอนยาวใหญ่ อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา. วารสาร Journal of Modern Learning Development, 8(11), 325-337.
ราเชนทร์ นพณัฐวงศกร (2561). ภาวะผู้นำในการบริหารงานปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีศึกษา : องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 10(3), 139-156.
รุ่งทิวา แสงหิรัญ. (2541). บทบาทของผู้นำสตรีทางการเมืองในเขตกรุงเทพมหานคร. [ภาคนิพนธ์ระดับปริญญาโทไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ก่อนเท่านั้น


