พลังชุมชน: กระบวนการสร้างการรับรู้และกำหนดเป้าหมายร่วมเพื่อพัฒนากลไกสร้างคุณค่าในตนเองของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม
คำสำคัญ:
พลังชุมชน , กระบวนการสร้างการรับรู้ , เป้าหมายร่วม , กลไกสร้างคุณค่าในตนเองบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการสร้างการรับรู้และกำหนดเป้าหมายร่วม เพื่อพัฒนากลไกสร้างคุณค่าในตนเองของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งมุ่งให้ผู้สูงอายุ ผู้นำชุมชน และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน ประชากร คือ ผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1,213 คน ในตำบลหนองนมวัว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 45 คน ประกอบด้วยผู้สูงอายุ แกนนำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข พระสงฆ์ และตัวแทนภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้นำชุมชน ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบล พระครูและคณะสงฆ์ เยาวชน และผู้แทนภาคประชาสังคม เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกด้านทุนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน เครื่องมือการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกภาคสนาม 2) แบบวิเคราะห์ SWOT Analysis 3) แบบบันทึก Key Messages และ 4) แบบบันทึกเวทีสะท้อนผลความคิดเห็นของชุมชน การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เก็บข้อมูลผ่านกระบวนการสี่ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผน การขับเคลื่อน การสังเกตการณ์ และการสะท้อนผล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา และตรวจสอบความถูกต้องด้วยวิธีสามเส้า ผลการวิจัย พบว่า ขั้นการวางแผน พบว่าการลงพื้นที่พบปะผู้นำและผู้สูงอายุจาก 9 หมู่บ้าน ช่วยสร้างความเข้าใจร่วมและกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ขั้นการขับเคลื่อน พบว่า การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวิเคราะห์สภาพพื้นที่ร่วมกัน ทำให้เกิดข้อตกลงพัฒนาร่วมระดับตำบลในรูปของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าตนเองของผู้สูงวัย ขั้นการสังเกตการณ์ พบว่า ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เกิดความภาคภูมิใจและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง และขั้นการสะท้อนผล พบว่า ผู้สูงอายุและภาคีเครือข่ายรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรม เกิดแนวทางพัฒนาต่อเนื่อง และสร้างพลังร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม กระบวนการวิจัยนี้สามารถขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้และเป้าหมายร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม ผู้สูงอายุเกิดความตระหนักรู้ เห็นคุณค่าในตนเอง และร่วมกันพัฒนากลไกทางสังคมที่ยั่งยืนโดยมีความร่วมมือของบ้าน วัด โรงเรียน และภาครัฐเป็นฐานสำคัญ
เอกสารอ้างอิง
คณะกรรมการสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์. (2558). เอกสารหลัก/มติโครงการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2558. ร้านไอปรินท์.
ฐิติมา ทาสุวรรณอินทร์ และคณะ. (2567). คุณภาพชีวิตและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของผู้สูงอายุ และความสัมพันธ์ระหว่างกัน. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 4(3), e266085.
พระมหานรินทร์ บุราคร และศรัณย์ ฐิตารีย์. (2567). การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแบบการมีส่วนร่วมของบ้าน วัด โรงเรียน (บวร). วารสาร มมร ล้านนาวิชาการ, 13(2), 66–78.
ยุรธร จีนา และรมิตา จีนา. (2561). บวรสันติสุข : รูปแบบการมีส่วนร่วมของบ้าน วัด โรงเรียนในการส่งเสริมคุณธรรมค่านิยม 12 ประการ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 6(Special Issue 1), 47–60.
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองนมวัว. (2566). ฐานข้อมูลผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2566. https://www.nongnomwua.go.th/news_detail.php?id=66000272
อติญาณ์ ศรเกษตริน และคณะ. (2564). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 8(1), 85-99.
Ministry of Social Development and Human Security. (2023). Situation of The Thai Older Persons 2022. https://thaitgri.org/?p=40218
National Statistical Office. (2021/2024). The Survey of the Older Persons in Thailand. https://www.nso.go.th/nsoweb/nso/survey_detail/iM?set_lang=en
United Nations Population Fund & HelpAge International. (2012). Ageing in the twenty-first century: A celebration and a challenge. https://www.unfpa.org/sites/default/files/pub-pdf/Ageing%20report.pdf
World Health Organization. (2020). Decade of Healthy Ageing: Plan of Action (2021–2030). https://www.who.int/publications/m/item/decade-of-healthy-ageing-plan-of-action
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารรัฐประศาสนศาสตร์และสหวิทยาเพื่อสังคม (Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society) ก่อนเท่านั้น


