การส่งบทความ

เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

รายการตรวจสอบก่อนส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด
  • บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ)
  • บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word
  • มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
  • บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines)

คำแนะนำผู้แต่ง

เกณฑ์การตีพิมพ์/รูปแบบการตีพิมพ์  ดาวน์โหลดรูปแบบ จัดพิมพ์อ้างอิงวารสาร
       

ประเภทของผลงานที่เปิดรับ 

  1. บทความวิจัย (Research Article) รวมถึงวิทยานิพนธ์การค้นคว้าอิสระ
  2. บทความวิชาการ (Article)  

สาขาวิชาของผลงานที่เปิดรับ 

  1. สาขาศึกษาศาสตร์
  2. สาขาอื่นๆ ตามที่กองบรรณาธิการเห็นสมควร

การจัดส่งบทความ 

  1. ผู้เขียนจัดทําบทความตามรูปแบบที่กําหนด  
  2. โหลดแบบเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน 
  3. ลงทะเบียน ที่เว็บไซต์วารสาร https://so14.tci-thaijo.org/index.php/Interdisciplinary/issue/current
  4. Login เข้าสู่ระบบ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/Interdisciplinary/issue/current

เพื่อส่งบทความและแบบเสนอบทความฯ 

  1. ศึกษาขั้นตอนการพิจารณาบทความได้ที่เมนูขั้นตอนการตีพิมพ์

กําหนดตีพิมพ์เผยแพร่ 

     ฉบับที่ 1 มกราคม – กุมภาพันธ์
     ฉบับที่ 2 มีนาคม – เมษายน

     ฉบับที่ 3 พฤษภาคม – มิถุนายน

     ฉบับที่ 4 กรกฎาคม – สิงหาคม

     ฉบับที่ 5 กันยายน – ตุลาคม

     ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน – ธันวาคม

 

ขั้นตอนการตรวจพิจารณาบทความ 

  1. กองบรรณาธิการรับบทความ และตรวจพิจารณาในเบื้องต้น จากนั้นติดต่อผู้เขียนเพื่อปรับแก้ไข
  2. เมื่อได้รับบทความที่แก้ไขเบื้องต้นแล้ว กองบรรณาธิการ จะเสนอบทความแก่บรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณา (ใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 15 วัน แล้วแต่จํานวนบทความ)
  3. กองบรรณาธิการแจ้งผลการพิจารณาในเว็บไซต์ “ผ่านโดยต้องแก้ไข” ให้ผู้เขียนชําระค่าตีพิมพ์ตามกําหนด
  4. กองบรรณาธิการส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณา และแจ้งผลการตรวจบทความทางอีเมล์ดังนี้

            4.1 "ผ่าน" โดยต้องแก้ไขปรับปรุง กองบรรณาธิการจะติดต่อผู้เขียนเพื่อแก้ไขตามคําแนะนําของบรรณาธิการ

         และผู้ทรงคุณวุฒิภายในเวลาที่กําหนด (ซึ่งสามารถแก้ไขได้เพียง 3 รอบเท่านั้น)  

             4.2 "ไม่ผ่าน" กองบรรณาธิการจะติดต่อผู้เขียนเกี่ยวกับเหตุที่ไม่รับตีพิมพ์ 

  1. ผู้เขียนส่ง file บทความฉบับแก้ไข มาทางเว็บไซต์ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/Interdisciplinary/issue/current โดยวงเล็บว่า “แก้ไข” 
  2. กองบรรณาธิการติดต่อผู้เขียนเพื่อจัดส่งแบบตอบรับการตีพิมพ์บทความ
  3. ตีพิมพ์เผยแพร่ตามกําหนด

การตั้งค่าหน้ากระดาษ  

กระดาษ                                   ขนาดกระดาษ A4  

ระยะขอบ                                 ขอบล่าง (Botton Margin) และขอบขวา (Right Margin)  

                                                  2.54 เซนติเมตร (1 นิ้ว)  

                                                  ขอบบน (Top Margin) 3.17 เซนติเมตร (1.25 นิ้ว)  

                                                  ขอบซ้าย (Left Margin) 3.81 เซนติเมตร (1.5 นิ้ว) 

รูปแบบตัวอักษร                       แบบตัวอักษรใช้ TH SarabunPSK ทั้งบทความ 

การย่อหน้า                               ส่วนเนื้อหา ย่อหน้า 3 Tab (ตั้งค่า tab ละ 0.5 เซนติเมตร) 

การพิมพ์ชื่อเรื่อง                     ชื่อเรื่องกลางหน้ากระดาษ ตัวหนา ขนาด 18 

การพิมพ์ชื่อผู้แต่ง                   ชื่อผู้แต่งชิดซ้ายกระดาษ ตัวปกติขนาด 16

การพิมพ์ส่วนเนื้อหา                จัดข้อความกระจาย ชิดขอบ ขนาด 16 ตัวหนาเฉพาะหัวข้อ 

การพิมพ์เอกสารอ้างอิง          หัวข้อกลางหน้ากระดาษ ตัวหนา ขนาด 16  

                                                 (โดยแถวแรกชิดขอบซิดซ้าย แถวที่ 2 เยื้องเข้า 1.5 เซนติเมตร) 

   

รูปแบบบทความวิชาการ (Article)  

ความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้รวมรูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง (ใช้ APA  Style) ทั้งภายในและส่วนท้ายบทความ 

รายละเอียด 

  1. ชื่อบทความ (Title) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  2. ชื่อ-สกุล ผู้เขียนทุกท่าน (Authors) ไม่ต้องระบุคํานําหน้า ตําแหน่งทางวิชาการ ชั้นยศ
  3. ตัวเลขยก ให้เขียนไว้บนท้ายนามสกุล เพื่ออระบุว่าเป็นตําแหน่ง หน่วยงานที่สังกัด และเชื่อมโยงเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าเดียวกัน
  4. เนื้อหา (Content) แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ บทคัดย่อ ส่วนความนํา ส่วนรายละเอียดเนื้อเรื่อง และ ส่วนสรุป 
  5. เอกสารอ้างอิง (References) ระบุแหล่งอ้างอิง เท่าที่จําเป็น อ้างอิงภายในบทความและท้าย บทความต้องตรงกัน

- อ้างอิงภายใน       ใช้ระบบนาม-ปีและหน้า (APA Style)  

   (ชื่อ-นามสกุลผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ : หน้าที่อ้างอิง)

 

 

             

บทวิจารณ์หนังสือ (Book Review)

          ความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้รวมรูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง (ใช้ APA  Style) ทั้งภายในและส่วนท้ายบทความ 

รายละเอียด 

  1. ชื่อบทความ (Title) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  2. ชื่อ-สกุล ผู้เขียนทุกท่าน (Authors) ไม่ต้องระบุคํานําหน้า ตําแหน่งทางวิชาการ ชั้นยศ
  3. ตัวเลขยก ให้เขียนไว้บนท้ายนามสกุล เพื่อระบุว่าเป็นตําแหน่ง คณะวิชา สาขาวิชา หน่วยงานที่สังกัด และเชื่อมโยงเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าเดียวกัน
  4. เนื้อหา (Content) แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ส่วนความนํา ส่วนรายละเอียดเนื้อเรื่อง และส่วนสรุป
  5. เอกสารอ้างอิง (References) ระบุแหล่งอ้างอิง เท่าที่จําเป็น อ้างอิงภายในบทความและท้าย บทความต้องตรงกัน

- อ้างอิงภายใน    ใช้ระบบนาม-ปีและหน้า (APA Style)  

(ชื่อ-นามสกุลผู้แต่ง, ปีที่พิมพ์ : หน้าที่อ้างอิง) 

รูปแบบบทความวิจัย (Research Article) รวมถึงวิทยานิพนธ์การค้นคว้าอิสระ

               ความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้รวมรูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง (ใช้ APA  Style) ทั้งภายในและส่วนท้ายบทความ 

รายละเอียด 

  1. ชื่อบทความ (Title) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  2. ชื่อ-สกุล ผู้เขียนทุกท่าน (Authors) ไม่ต้องระบุคํานําหน้า ตําแหน่งทางวิชาการ ชั้นยศ
  3. ตัวเลขยก ให้เขียนไว้บนท้ายนามสกุล เพื่อระบุว่าเป็นตําแหน่ง คณะวิชา สาขาวิชา หน่วยงานที่สังกัด และเชื่อมโยงเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าเดียวกัน
  4. บทคัดย่อ (Abstract) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรสั้นตรงประเด็น และเป็นการสรุปผลงานอย่าง รัดกุม ครอบคลุมสาระสําคัญของการวิจัย ความยาวไม่เกิน 400 ตัวอักษร
  5. คําสําคัญ (Keywords) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นการกําหนดคําสําคัญที่สามารถนําไปใช้เป็น คําสืบค้นในระบบฐานข้อมูล ไม่ควรยาวมากเกินไป และไม่ควรเกิน 5 คํา
  6. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาและมูลเหตุที่นําไปสู่การวิจัย  
  7. วัตถุประสงค์เป็นการระบุจุดมุ่งหมายของการวิจัย 
  8. สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี)  
  9. ขอบเขตของปัญหา เป็นการอธิบายขอบเขตของการศึกษาวิจัย
  10. เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เป็นการอ้างอิงแนวคิด ทฤษฎีหรือบทความที่เกี่ยวข้อง หากเป็นงานวิจัย เฉพาะทางควรมีส่วนนี้เพื่ออธิบายข้อมูลพื้นฐานให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ 
  11. วิธีดําเนินการวิจัย เป็นการอธิบายวิธีการดําเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ควรเสนอรูปแบบและแสดงขั้นตอนอย่างกระชับและชัดเจน 
  12. สรุปผลการวิจัย เป็นการสรุปสาระสําคัญที่ได้จากการวิจัยที่ตรงตามวัตถุประสงค์กระชับและชัดเจน
  13. อภิปรายผลและข้อเสนอแนะอภิปรายผล เป็นการเสนอความคิดเห็น ทัศนคติและพิจารณาสิ่งที่ได้จากการวิจัยแล้วหาข้อสรุปของปัญหานั้น  ข้อเสนอแนะ เป็นการเสนอแนวทางวิธีการนําผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์และข้อเสนอแนะต่างๆ ทางวิชาการ 
  1. เอกสารอ้างอิง (References) ระบุแหล่งอ้างอิง เท่าที่จําเป็น อ้างอิงภายในบทความและท้ายบทความต้องตรงกัน 

- อ้างอิงภายใน ใช้ระบบนาม-ปีและหน้า (APA Style)  

(ชื่อ-นามสกุลผู้แต่ง,/ปีที่พิมพ์) หรือ (ชื่อ-นามสกุลผู้แต่ง,/ปีที่พิมพ์/:/หน้าที่)  

- อ้างอิงท้ายเรื่อง  เรียงลําดับตามตัวอักษร โดยมีวิธีการเขียนอ้างอิงท้ายบทความดังตัวอย่าง ต่อไปนี้  

ตัวอย่างการอ้างอิงท้ายบทความ 

  1. หนังสือ

ตัวอย่าง 

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.)./ชื่อหนังสือ./เมืองพิมพ์/:/โรงพิมพ์./เลขหน้า.  

ชุติมา สัจจานันท์. (2546). การวิจัยกับอาชีพบรรณรักษศาสตร์

       และสารสนเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ : สมาคม ห้องสมุดแห่งชาติ 

  1. บทความ

2.1 บทความในวารสารวิชาการ 

ตัวอย่าง 

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.,/เดือนที่ตีพิมพ์เผยแพร่)./ชื่อเรื่อง./ชื่อวารสาร./   

       เมืองพิมพ์/:/โรงพิมพ์./ปีที่ (ฉบับที่),/เลขหน้า.  

ภัทรพร ตั้งสุขฤทัย. (2547, พฤศจิกายน-ธันวาคม). กินอาหารไม่เป็น 

       โรคอ้วน. หมออนามัย. กรุงเทพฯ : สํานักงานของวารสารหมอ  

        อนามัย. 14(3), 54-59 

2.2 บทความในนิตยสาร 

ตัวอย่าง 

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.,/เดือนที่ตีพิมพ์เผยแพร่)./ชื่อเรื่อง./ชื่อนิตยสาร./ปี

           ที่(ฉบับที่),/เลขหน้า.   

ดุษฎี พนมยงค์. (2548, มีนาคม). คนรุ่นใหม่กับการพิทักษ์สิ่ง

            แวดล้อม. มติชนสุดสัปดาห์. 25(1284), 38  

2.3 บทความในหนังสือพิมพ์ 

ตัวอย่าง 

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.,/วัน/เดือนที่ตีพิมพ์เผยแพร่)./ชื่อเรื่อง./ชื่อ

         หนังสือพิมพ์/:/เลขหน้า. 

วิวัฒนชัย อัตถากร. (2548, 27 เมษายน). อุดมศึกษาไทยในทาง

          แพ่ง. มติชน : 7. 

  1. สารนิเทศอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media)  

ตัวอย่าง 

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.ที่เผยแพร่)./ชื่อเรื่อง./[ออนไลน์]./สืบค้นจาก/:/

         แหล่งที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต// [พ.ศ.,/วัน/เดือนที่สืบค้นข้อมูล]  

อรรถศิษฐ์ วงศ์มณีโรจน์. (2542). ประวัติความเป็นมาของวิชาการ

         อุดมสมบูรณ์ของติน.  [ออนไลน์].  

         สืบค้นจาก

          http://158.108.200.11/soil/009421/Chap1#eral 

          [2542, 25 ตุลาคม]  

ชื่อผู้แต่ง./(พ.ศ.ที่เผยแพร่)./ชื่อเรื่อง./ชื่อวารสาร./ปีที่(ฉบับที่)./

          เลขหน้า./[ออนไลน์]./

          สืบค้นจาก/:/แหล่งทอยู่บนอินเทอร์เน็ต//[พ.ศ.,/วัน/เดือนที่สืบค้นข้อมูล]  

          Kennrth, I. (1998). A buddist response to the nature 

          of human right.   Journal  Of Buddhis Ethics seril

          2(9) [Online]. Available 

           :http://cac.psu.edu/Jbe/twocont.htm. [1998, 15 

           June] 

 

Articles

Section default policy

นโยบายส่วนบุคคล

บทบาทหน้าที่ของบรรณาธิการ
1. บรรณาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบบทความที่ส่งมาเพื่อขอตีพิมพ์กับวารสารทุกบทความ โดยพิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับขอบเขตของวารสารเป็นสำคัญ และมีการตรวจสอบคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์
2. บรรณาธิการต้องใช้เหตุผลทางวิชาการในการพิจารณาบทความ และต้องไม่มีอคติ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ และบทความที่พิจารณาไม่ว่าด้วยกรณีใด
3. บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามกระบวนการต่าง ๆ ของวารสารอย่างเคร่งครัด
4. บรรณาธิการต้องมีจรรยาบรรณ และไม่นำข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความไปเป็นผลงานของตนเอง
5. บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความตามมาตรฐานทางวิชาการอย่างจริงจัง พร้อมใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ว่า บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารไม่มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น ถ้าพบว่า มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น จะต้องแจ้งให้เจ้าของบทความทราบทันที หากผู้นิพนธ์บทความไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ บรรณาธิการสามารถปฏิเสธการตีพิมพ์ได้

บทบาทหน้าที่ของผู้นิพนธ์
1. ผู้นิพนธ์ต้องส่งบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์หรือเผยแพร่ที่ใดมาก่อน
2. ผู้นิพนธ์ต้องทำการอ้างอิงให้ถูกต้องทุกครั้งเมื่อนำผลงานของผู้อื่นมาอ้างอิงประกอบในเนื้อหาบทความของตนเอง และต้องไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
3. บทความของผู้นิพนธ์ต้องปรับแก้ไขให้ถูกต้องตามรูปแบบของวารสารในหัวข้อ "คำแนะนำสำหรับผู้เขียน" และต้องปรับแก้ไขผลงานที่ตีพิมพ์ตามคำแนะนำหรือตามผลการประเมินบทความจากผู้ประเมินบทความ หากไม่แก้ไขตามคำแนะนำ ของผู้ประเมิน ทางวารสารจะขอสงวนสิทธิ์ไม่ตีพิมพ์บทความของท่าน
4. ผู้นิพนธ์ต้องยินยอมโอนลิขสิทธิ์ให้แก่วารสารก่อนการตีพิมพ์ และไม่นำผลงานไปเผยแพร่หรือตีพิมพ์กับแหล่งอื่น ๆ หลังจากที่ได้รับการตีพิมพ์กับวารสารศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา
5. ชื่อผู้นิพนธ์ที่ปรากฏในบทความต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในบทความนั้น ๆ จริง

บทบาทหน้าที่ของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ
1. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ การพิจารณาบทความต้องคำนึงถึงคุณภาพเป็นสำคัญและพิจารณาโดยใช้เหตุผลทางวิชาการเป็นหลัก โดยปราศจากอคติใดทั้งสิ้น
2. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของบทความที่รับประเมินอย่างแท้จริง
3. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากบทความที่ตนเองได้ทำการประเมิน