ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj <p><strong>วารสารภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</strong> มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มุ่งเน้นเผยแพร่องค์ความรู้และวิทยาการที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นทางวิชาการที่มีคุณภาพและคุณค่าต่อวงวิชาการ โดยครอบคลุมเนื้อหาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</p> <p><strong>การประเมินบทความ</strong><strong> </strong>บทความที่จะเผยแพร่ในวารสารภูพานสาส์น ต้องได้รับการตรวจสอบทางวิชาการ (<strong>Double-Blind Peer Review)</strong> ซึ่งผู้ประเมิน (Reviewers) ไม่ทราบชื่อผู้แต่งและผู้แต่ง (Authors) ไม่ทราบชื่อผู้ประเมิน โดยมีผู้ประเมินบทความ จำนวน 3 คน (Three Reviewers) ต่อบทความ ทั้งผู้ประเมินภายในและภายนอกที่มาจากหลากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานวารสารระดับชาติและระดับสากล</p> <p> </p> <p><strong>กำหนดการเผยแพร่</strong></p> <p><strong>วารสารภูพานสาส์น เปิดรับบทความตลอดทั้งปี</strong><strong> เผยแพร่ออนไลน์ ปีละ </strong><strong>2 ฉบับ (ราย 6 เดือน) <br /></strong>ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม - เดือนมิถุนายน<br />ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม – เดือนธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ <br />ไม่มีค่าใช้จ่าย</strong><strong>ในการตีพิมพ์เผยแพร่บทความ</strong></p> คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร th-TH ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 2651-1495 การศึกษาประสบการณ์ของนักศึกษาครูในการสร้างหนังสืออ่านเสริมภาษาจีน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj/article/view/2298 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ของนักศึกษาครูในการสร้างหนังสืออ่านเสริมภาษาจีน วิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค วิธีการเรียนรู้ และการพัฒนาทักษะที่เกิดขึ้นรวมถึงสังเคราะห์รูปแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษา<br />ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการสอนภาษาจีน คณะครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถาม</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาครูใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นระบบตลอดกระบวน การสร้างหนังสือ โดยใช้ AI มากกว่าร้อยละ 50 ของกระบวนการทำงาน เครื่องมือที่ใช้มากที่สุด ได้แก่ Canva และ ChatGPT แม้จะพบอุปสรรคด้านเทคนิคและความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์จาก AI แต่กระบวนการแก้ไขปัญหาช่วยส่งเสริมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและพัฒนาทักษะด้านภาษา เทคโนโลยี การคิดวิเคราะห์ การออกแบบ และการวางแผนงานอย่างเป็นขั้นตอน นอกจากนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมในระดับสูง ทั้งนี้ ผลการสังเคราะห์สามารถพัฒนารูปแบบการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างหนังสืออ่านเสริมภาษาจีน ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการผลิตสื่อการเรียนรู้และพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพครูในยุคดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม</p> อรุโณทัย บุญชม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-30 2025-12-30 8 2 1 17 นวัตกรรมระบบการจัดการห่วงโซ่มูลค่า “กล้าแก้จน” จังหวัดสุรินทร์ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj/article/view/2318 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ยกระดับทุนการดำรงชีพของครัวเรือนยากจนให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการเพาะพันธุ์ไม้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยกระดับปฏิบัติการแก้จนระดับอำเภอให้ครอบคลุมคนจนเป้าหมายจากการวิเคราะห์ฐานทุนดำรงชีพในจังหวัดสุรินทร์ (2) พัฒนาโมเดลแก้จน ด้วยนวัตกรรมระบบการจัดการห่วงโซ่มูลค่า “กล้าแก้จน” ระดับจังหวัดสุรินทร์ที่เหมาะสมกับศักยภาพของคนจนเป้าหมายและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ และ (3) พัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ครัวเรือนยากจนเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิต และสร้างโอกาสในการยกระดับฐานะทางสังคมของครัวเรือนยากจนอย่างเป็นรูปธรรมในจังหวัดสุรินทร์ ตามกรอบแนวคิดการดำรงชีพอย่างยั่งยืน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา กลุ่มคนจนเป้าหมาย ได้แก่ ตำบลตาเมียง ตำบลบักได ตำบลจีกแดก และตำบลโคกกลาง อำเภอพนมดงรัก ตำบลตรวจ อำเภอศรีณรงค์ และตำบลเมืองบัว อำเภอชุมพลบุรี <br /> ผลการวิจัย พบว่า (1) ครัวเรือนยากจนได้รับการยกระดับทุนการดำรงชีพ ด้านทุนมนุษย์และทุนเศรษฐกิจ โดยอาศัยทุนทางธรรมชาติ ทุนทางกายภาพ และทุนทางสังคมที่มีของชุมชนมีครัวเรือนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 682 ครัวเรือน ใน 6 ตำบล โดยกลุ่มวิสาหกิจเพาะพันธุ์ไม้หนองคันนา ตำบล ตาเมียง อำเภอพนมดงรัก ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เพิ่มขึ้น 2 กลุ่ม ในพื้นที่ตำบลตาเมียง และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านเทคโนโลยีที่เรียบง่าย เช่น ระบบน้ำโซล่าเซลล์ การใช้เทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเทคโนโลยีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคลือบเมล็ดที่ผสมบอระเพ็ดและน้ำส้มควันไม้ ซึ่งการจัดการเมล็ดพันธุ์ยกระดับรายได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 จำนวน 21 ครัวเรือน (2) นวัตกรรมระบบการจัดการห่วงโซ่มูลค่า “กล้าแก้จน” ระดับจังหวัดสุรินทร์ ที่เหมาะสมกับศักยภาพของคนจนเป้าหมายและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ การพัฒนาทักษะอาชีพด้านการเพาะกล้าไม้ป่า สมุนไพร พืชผักสวนครัวและการใส่เชื้อเห็ดในกล้ายางนา สามารถยกระดับรายได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 จำนวน 438 ครัวเรือน โดยครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 13,200 บาทต่อปี และ (3) โครงการได้พัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ครัวเรือนยากจนเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตและสร้างโอกาสในการยกระดับฐานะทางสังคมของครัวเรือนยากจนอย่างเป็นรูปธรรมในจังหวัดสุรินทร์ โดยการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะพันธุ์ไม้หนองคันนา กลุ่มกล้าแก้จนคนตาเมียง กลุ่มกล้าแก้จนคนมีบุญ เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความร่วมมือในระดับพื้นที่และส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง ทำให้เกิดการแบ่งปันความรู้ ทรัพยากร และการช่วยเหลือกัน รวมถึงการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์และการฝึกอบรมทักษะในชุมชนและเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกันเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่ม ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน​ ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนของโครงการ เท่ากับ 5.70 โดยเกิดผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน</p> ลดาวัลย์ ปัญตะยัง ชนกเนตร ชัยวิชา อุบลวรรณ สุวรรณภูสิทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-30 2025-12-30 8 2 18 36 แนวทางการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไหมย้อมคราม บ้านกลาง ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร บนฐานการวิเคราะห์สภาพปัญหา เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj/article/view/2264 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพปัญหาของผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอ ผ้าไหมย้อมครามบ้านกลาง ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร และ 2) หาแนวทางการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม รวมถึงการประชุมระดมความคิดเห็นกับกลุ่มเป้าหมายที่ประกอบด้วยผู้นำชุมชน สมาชิกกลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญ และภาคีเครือข่ายในท้องถิ่น <br /> ผลการวิจัยพบว่า การศึกษาสภาพปัญหาและศักยภาพของผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไหมย้อมครามบ้านกลางสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดด้านวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด ขณะเดียวกันยังพบว่า กลุ่มมีศักยภาพด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตลักษณ์ของผ้าไหมย้อมคราม และความเข้มแข็งของการรวมกลุ่มในชุมชน นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้นำไปสู่การกำหนดแนวทางการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบและการสื่อสารอัตลักษณ์ การเสริมสร้างทักษะด้านการบริหารจัดการและการตลาด รวมถึงการใช้ช่องทางการตลาดดิจิทัลอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวมีส่วนช่วยส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและชุมชนบ้านกลางได้ในระยะยาว</p> ชนัญญา แสนจันทร์ สิริกรณ์ เชื้อคนแข็ง วัชราภรณ์ สิงห์รัก ธัญญาพร เหล่าสุวรรณ ภิรารัตน์ สุคำภา นิโลบล ภู่ระย้า ภัทรลดา ทองเถาว์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-30 2025-12-30 8 2 37 53 เรื่องเล่าสกลนคร : การรับรู้ผ่านการประกวดธิดาปราสาทผึ้ง https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj/article/view/2295 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเรื่องเล่าของจังหวัดสกลนครที่นำเสนอผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้เข้าประกวดธิดาปราสาทผึ้งในรอบ Speech Competition ประจำปี พ.ศ. 2566-2567 และการรับรู้ของผู้ชม การวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยวิเคราะห์เนื้อหาสุนทรพจน์ของผู้เข้าประกวดจำนวน 55 คน และสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ชมการประกวดจำนวน 20 คน แบ่งเป็นผู้ชมออนไซต์จำนวน 10 คน และผู้ชมออนไลน์จำนวน 10 คน <br /> ผลการศึกษาพบว่า เรื่องเล่าของจังหวัดสกลนครที่นำเสนอผ่านสุนทรพจน์สามารถจำแนกได้ 4 ประเภท ได้แก่ 1) เรื่องเล่าด้านวัฒนธรรม (ร้อยละ 100) ครอบคลุมประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ผ้าย้อมคราม และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ 2) เรื่องเล่าด้านธรรมะ (ร้อยละ 94.55) ที่เน้นวัดพระธาตุเชิงชุมและ<br />รอยพระพุทธบาท 3) เรื่องเล่าด้านธรรมชาติ (ร้อยละ 89.09) ที่กล่าวถึงทะเลสาบหนองหารและเทือกเขาภูพาน และ 4) เรื่องเล่าอื่น ๆ (ร้อยละ 58.18) ครอบคลุมประวัติศาสตร์ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และการท่องเที่ยว โดยเรื่องเล่าทั้งหมดถูกประกอบสร้างผ่านกรอบแนวคิด “เมือง 3 ธรรม” ทั้งธรรมะ ธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนการผลิตซ้ำทางวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวของจังหวัด<br /> ผู้ชมส่วนใหญ่สามารถรับรู้และเข้าใจเรื่องเล่าของจังหวัดสกลนครผ่านการประกวดได้ มีทัศนคติเชิงบวก และแสดงความชื่นชมต่อการนำเสนอ ทั้งนี้ พบความแตกต่างในการรับรู้ระหว่างผู้ชมออนไซต์และออนไลน์ โดยผู้ชมออนไซต์มีการรับรู้ที่ลึกซึ้งมากกว่าในมิติที่ต้องอาศัยประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส ขณะที่ผู้ชมออนไลน์ได้รับประโยชน์จากเทคนิคการถ่ายทอดภาพและความยืดหยุ่นในการรับชมซ้ำ การใช้ทั้งสองช่องทางควบคู่กันจึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการสื่อสารเรื่องเล่าทางวัฒนธรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด</p> ต่อศักดิ์ เกษมสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-30 2025-12-30 8 2 54 66 การศึกษาอัตลักษณ์และการเปลี่ยนแปลงของอุปรากรจีน (งิ้ว) ในบริบทสังคมไทย https://so14.tci-thaijo.org/index.php/ppsj/article/view/2417 <p> อุปรากรจีน (งิ้ว) เป็นศิลปะการแสดงที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าพันปี และได้รับการยอมรับว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าอีกแขนงหนึ่งของโลก โดยมีจุดกำเนิดจากการแสดงพื้นบ้านที่ผสมผสานดนตรีพื้นบ้าน การขับร้อง การร่ายรำ และศิลปะการต่อสู้ ก่อนจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงที่มีรูปแบบและระบบแบบแผนชัดเจน งิ้วได้แพร่เข้าสู่ประเทศไทยผ่านการอพยพของชาวจีนโพ้นทะเล และได้รับการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ทั้งในด้านภาษา การแสดงสีหน้าและท่าทาง ตลอดจนบทบาทของตัวละคร ก่อให้เกิดอุปรากรจีนในประเทศไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว</p> <p> นอกจากด้านความบันเทิงแล้ว งิ้วยังมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความเชื่อและวิถีชีวิตของชาวจีนในประเทศไทย โดยปรากฏในพิธีกรรมทางศาสนา เทศกาลสำคัญ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริบทของสังคมไทยร่วมสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งิ้วจำเป็นต้องปรับตัวทั้งในด้านรูปแบบการแสดง เทคนิคการนำเสนอ และการสื่อสารกับผู้ชมรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาแก่นแท้ของศิลปะดั้งเดิมให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนในฐานะศิลปะการแสดงและมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า</p> ฉันทัช พินาสุ ธุวดี พิศาลวชิโรภาส นัฐกานต์ เสนาคุณ ศิริรัตน์ ระวาดวร อภิญกิตติญา ทองสุทธิ์ พรชัย ศักดิ์ศิริโสภณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภูพานสาส์น วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-30 2025-12-30 8 2 67 82