วารสารวิจัยและพัฒนาเพื่อท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jrdl
<p><strong>วารสารวิจัยและพัฒนาเพื่อท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์</strong><br /><strong>Journal of Research and Development for Local, Surindra Rajabhat University</strong><br />ISSN 3057-0662 (Print)<br />ISSN 3057-0670 (Online)</p> <p><strong>กำหนดเผยแพร่</strong> : ปีละ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 (มกราคม –มิถุนายน) /ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม –ธันวาคม)</p> <p><strong>วัตถุประสงค์วารสาร</strong> : เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมผลงานวิจัย ที่มีการบูรณาการองค์ความรู้จากสาขาต่างๆ ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา การบริหารจัดการ และสหวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมถึงการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมระหว่างนักวิจัยกับสังคม ชุมชน หรือท้องถิ่น เพื่อก่อให้เกิดแนวทางแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชน สังคม หรือท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน</p> <p><strong>ขอบเขตของวารสาร</strong> : เป็นผลงานทางวิชาการทาง<br />- สหวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์<br />- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br />- การศึกษา<br />- การบริหารจัดการ<br />- การบูรณาการข้ามศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น<br />- บทวิเคราะห์ที่แนวทางแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชน สังคม หรือท้องถิ่น<br /><br /><strong>เงื่อนไขการตีพิมพ์</strong> : บทความที่จะลงตีพิมพ์ทุกบทความต้องผ่านการประเมินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบบทความ (Peer review) ไม่น้อยกว่า 3 ท่าน โดยบทความผู้นิพนธ์ภายนอกได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายในและผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกคนละหนึ่งท่าน หรือผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อยสองท่าน ส่วนบทความผู้นิพนธ์ภายในได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบัน และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ ทั้งนี้จะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความและผู้นิพนธ์บทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blind Peer Review) และทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาบทความจนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของวารสาร และบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์จะต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างพิจารณาเสนอขอตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ รวมทั้งทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความในวารสารฉบับนี้ เป็นของผู้นิพนธ์แต่ละท่าน ไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p> <p>ทั้งนี้ วารสารราชภัฏสุรินทร์วิชาการ <strong>ไม่มีค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์</strong></p>
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
th-TH
วารสารวิจัยและพัฒนาเพื่อท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
3057-0662
-
การพัฒนาชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jrdl/article/view/1164
<p><span class="fontstyle0">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนหลังการใช้ชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียนของนักเรียนและแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน<br />ผลการวิจัยพบว่าการพัฒนาชุดการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานในรายวิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 36 คน มีประสิทธิภาพเฉลี่ย 83.65/80.60 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้80/80 ผลจากการวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน พบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอนมีค่าเท่ากับ0.7042 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.42 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน/<br />หลังเรียนด้วยการทดสอบ t (t – test) พบว่า ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นมีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดการสอนอยู่ในระดับมากที่สุด</span></p>
ธัญพร พุ่มพวง
Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยและพัฒนาเพื่อท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-11-27
2024-11-27
2 1
1
11