https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/issue/feed
วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
2025-12-02T00:00:00+07:00
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนู ศรีทอง
jbei@mcu.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา</strong><br /><strong>Journal of Buddhist Educational Innovation</strong><br /><strong>ISSN</strong> 3088 - 1501 (Online)<br /><br /><strong>วัตถุประสงค์วารสาร</strong> <br />เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของคณาจารย์ นิสิตและบุคลากรทั่วไปทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย</p> <p><strong>ขอบเขตวารสาร<br /></strong>หลักสูตรและการสอน, การบริหารการศึกษาและภาวะผู้นำ, เทคโนโลยีทางการศึกษา, จิตวิทยาและการแนะแนวทางการศึกษา, การวิจัยและการประเมินผลทางการศึกษา, การศึกษากับศาสนาและจริยธรรม, การศึกษานอกระบบและการศึกษาตลอดชีวิต, การศึกษาปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษา, การศึกษาพิเศษและการเรียนรวม, สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวัฒนธรรมกับการศึกษา, การพัฒนาครู บุคลากร และภาวะผู้นำการเรียนรู้, เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย และสิ่งแวดล้อมกับการศึกษา<strong><br /></strong></p> <p><strong>กำหนดการออกวารสาร</strong><br />ออกปีละ 3 ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ 1 ประจำเดือน มกราคม ถึง เมษายน | ฉบับที่ 2 ประจำเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม | ฉบับที่ 3 ประจำเดือน กันยายน ถึง ธันวาคม<br /><br /><strong>ประเภทบทความ:</strong> <br />บทความแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ บทความวิจัย และบทความวิชาการ</p> <p><strong>การรับตีพิมพ์บทความ</strong> <br />วารสารรับตีพิมพ์บทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ<br /><br /><strong>การประเมินบทความ</strong><br />บทความที่ส่งเข้าจะได้รับการพิจารณาเบื้องต้นโดยกองบรรณาธิการเกี่ยวกับขอบเขตของวารสารและรูปแบบการเขียนบทความ จากนั้นบทความที่ผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจะถูกส่งไปพิจารณาประเมินคุณภาพของบทความจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviewer) จำนวนอย่างน้อย 3 ท่านที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบัน รูปแบบการประเมินบทความเป็นแบบผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ (Double-Blind Peer Review)<br /><br /><strong>ทั้งนี้</strong> ไม่มีค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์ ในทุกขั้นตอนการดำเนินงานวารสาร</p> <p><strong>เจ้าของวารสาร</strong> บัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์สุรินทร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์</p>
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1863
การพัฒนากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันปัญหายาเสพติด และอบายมุข สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาภายใต้โครงการสถานศึกษา สีขาวปลอดยาเสพติด และอบายมุข
2025-07-30T15:53:52+07:00
ภาณุพงศ์ ธงศรี
pisan816@gmail.com
เคลือวัลย์ ตลอดพงษ์
Pisan816@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ สร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด และอบายมุข ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านคำสมอ (ศรีศึกษา) และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อยาเสพติด และอบายมุข หลังเข้าร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ สร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด และอบายมุข ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านคำสมอ (ศรีศึกษา) ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 โรงเรียนบ้านคำสมอ (ศรีศึกษา) อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2567 จำนวน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินความพึงพอใจ และแบบสอบถามความคิดเห็น มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติพื้นฐาน คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <p>1) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ สร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด และอบายมุข ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านคำสมอ (ศรีศึกษา) อยู่ในระดับดีมาก</p> <p>2) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อยาเสพติด และอบายมุข หลังเข้าร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด และอบายมุข ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบ้านคำสมอ (ศรีศึกษา) อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1823
แนวคิดเรื่องความยุติธรรมในปรัชญาการเมืองของเพลโตและอริสโตเติล: การเปรียบเทียบเชิงวิเคราะห์
2025-07-21T15:21:06+07:00
วีระชัย ยศโสธร
weerachai.ys@bru.ac.th
ธงไชย สุขแสวง
weerachai.ys@bru.ac.th
พีรวัส อินทวี
weerachai.ys@bru.ac.th
ชาตรี เกษโพนทอง
weerachai.ys@bru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) วิเคราะห์แนวคิดเรื่องความยุติธรรมในปรัชญาการเมืองของเพลโต 2) วิเคราะห์แนวคิดเรื่องความยุติธรรมในปรัชญาการเมืองของอริสโตเติล 3) เปรียบเทียบและสังเคราะห์ความแตกต่างและความเหมือนของแนวคิดความยุติธรรมระหว่างเพลโตและอริสโตเติล 4) เสนอแนวทางการตีความความยุติธรรมในบริบทของปรัชญาการเมืองร่วมสมัย จากการศึกษาการเปรียบเทียบแนวคิดของทั้งสองนักปรัชญา โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการวิเคราะห์เนื้อหาและการเปรียบเทียบเชิงวิเคราะห์ ข้อมูลหลักมาจากงานเขียนต้นฉบับของเพลโตและอริสโตเติล รวมถึงงานวิจัยและตำราที่เกี่ยวข้อง</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า </strong></p> <p>1) แนวคิดเรื่องความยุติธรรมของเพลโตมีลักษณะเชิงอุดมคติ เน้นการจัดระเบียบสังคมที่แต่ละคนทำหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม</p> <p>2) อริสโตเติลเสนอแนวคิดเชิงปฏิบัติที่แยกความยุติธรรมออกเป็นความยุติธรรมแบบกระจายและแบบแก้ไข โดยมีจุดเน้นที่ความสัมพันธ์เชิงคุณธรรมและความเหมาะสมตามสถานภาพของแต่ละบุคคล</p> <p>3) การเปรียบเทียบชี้ให้เห็นถึงรากฐานแนวคิดที่ต่างกันระหว่างอุดมคตินิยมและประสบการณ์นิยม</p> <p>4) สามารถนำมาต่อยอดในการทำความเข้าใจความยุติธรรมในบริบทของปรัชญาการเมืองร่วมสมัยที่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนทางสังคมและความหลากหลายของคุณค่า</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/2058
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ชุมชนเป็นฐานตามวงจรคุณภาพ ภายใต้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา: กรณีศึกษาโรงเรียนวัดบูรพาพิทยารามฯ จังหวัดจันทบุรี
2025-09-19T14:19:41+07:00
รัชนีวรรณ อุดมพงษ์
6826141023@rbru.ac.th
เริงวิชญ์ นิลโคตร
6826141023@rbru.ac.th
วัยวุฒิ บุญลอย
6826141023@rbru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอและวิเคราะห์กระบวนการการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ชุมชนเป็นฐานตามวงจรคุณภาพ ภายใต้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา กรณีศึกษาโรงเรียนวัดบูรพาพิทยารามฯ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่มีการพัฒนาความร่วมมือกับชุมชน โรงเรียนได้ประยุกต์ใช้วงจรคุณภาพ PDCA ในการออกแบบและดำเนินการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่เชื่อมโยงกับบริบทของชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มต้นจากการออกแบบรายวิชาในหลักสูตรสถานศึกษาให้เชื่อมโยงกับบริบทท้องถิ่น (Plan), จัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Do), ประเมินผล โดยใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย (Check), พัฒนารายวิชา และปรับปรุงแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (Act) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างเข้มแข็ง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของการบูรณาการหลักการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นตามวงจรคุณภาพ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) สำหรับสถานศึกษาอื่น ๆ ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาต่อไป</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/2078
ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมและบทเรียนเพื่อความเป็นเลิศในการบริหารการศึกษา: กรณีศึกษาศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดตราด
2025-09-19T14:23:29+07:00
จิณณฉัตร เรืองจุ้ย
6826141004@rbru.ac.th
เริงวิชญ์ นิลโคตร
6826141004@rbru.ac.th
อรุณเกียรติ จันทร์ส่งแสง
6826141004@rbru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมและบทเรียนที่ส่งผลต่อความเป็นเลิศในการบริหารจัดการศึกษาของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดตราด โดยมุ่งเน้นสามประเด็นหลัก คือ 1) การส่งเสริมภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมของผู้บริหารให้ยึดหลักซื่อสัตย์ ยุติธรรม และรับผิดชอบในการบริหารจัดการศึกษา 2) การยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษาให้โปร่งใส เป็นระบบ และตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและผู้ปกครอง 3) การพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่เป็นแบบอย่าง (Best Practice) ด้านการบริหารเชิงคุณธรรมที่สามารถต่อยอดและสร้างความยั่งยืน จากการวิเคราะห์เอกสาร แนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเป็นเลิศในการบริหารจัดการศึกษา ผู้บริหารที่ยึดมั่นในคุณธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ สามารถสร้างความไว้วางใจ ความพึงพอใจ และแรงจูงใจแก่ครู บุคลากร และผู้ปกครองได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้ทฤษฎีกระบวนระบบ (Systems Approach Theory) ในการบริหารจัดการศึกษา ช่วยให้กระบวนการดำเนินงานมีขั้นตอนที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ และสามารถพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง บทเรียนจากศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดตราดสะท้อนให้เห็นว่า การบูรณาการภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมเข้ากับการบริหารอย่างเป็นระบบไม่เพียงยกระดับคุณภาพการศึกษาเท่านั้น แต่ยังสร้างต้นแบบการจัดการที่สามารถเผยแพร่และต่อยอดไปสู่ศูนย์การศึกษาพิเศษอื่น ๆ ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1815
สะพานแห่งเมตตา: กลยุทธ์ Soft Power บนวิถีพุทธ เพื่อสร้างความร่วมมือ แก้ปัญหาครูขาดแคลนในโรงเรียนขนาดเล็ก
2025-07-21T15:07:59+07:00
ชัชชาย จีระวัฒน์วงศ์
679814004@crru.ac.th
สมเกียรติ ตุ่นแก้ว
679814004@crru.ac.th
พูนชัย ยาวิราช
679814004@crru.ac.th
สุวดี อุปปินใจ
679814004@crru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสังเคราะห์กลยุทธ์การบริหารสถานศึกษาโดยใช้ Soft Power บนพื้นฐานหลักพุทธธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็กของประเทศไทย โดยบูรณาการแนวคิด Soft Power ของ Joseph Nye เข้ากับทฤษฎีทุนทางสังคม, ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วม, และหลักธรรมทางพุทธศาสนา อาทิ สังคหวัตถุ 4 และพรหมวิหาร 4 ผลการสังเคราะห์ระบุองค์ประกอบ Soft Power 4 ด้าน รวม 17 องค์ประกอบ ครอบคลุมทักษะทางสังคม การสื่อสาร ความร่วมมือ การศึกษา นวัตกรรม วิสัยทัศน์ ค่านิยม และวัฒนธรรม บทความนำเสนอ แนวคิด “สะพานแห่งความร่วมมือ” และแนวทางการประยุกต์ใช้ กลยุทธ์ดังกล่าว เพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างโรงเรียนและชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูด รักษา และพัฒนาบุคลากรครู ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างยั่งยืน การประยุกต์ใช้กลยุทธ์นี้จะเสริมสร้างความไว้วางใจ การสื่อสารที่โปร่งใส และค่านิยมร่วม นำไปสู่การแก้ไขปัญหาครู ขาดแคลนและยกระดับคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กได้อย่างยั่งยืน</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1801
แนวทางการชนะอุปสรรคด้วยพุทธธรรม: กรณีศึกษาพุทธชัยมงคลคาถา (คาถาพาหุง)
2025-07-21T15:13:39+07:00
วชิรา อยู่สุนทร
wachira.vpn@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์แนวทางการชนะอุปสรรคตามหลักพุทธธรรม โดยศึกษาผ่านเนื้อหาในพุทธชัยมงคลคาถา (คาถาพาหุง) ซึ่งเป็นบทคาถาที่รวบรวมชัยชนะอันเป็นมงคล 8 ประการของพระพุทธเจ้า การศึกษาพบว่าชัยชนะแต่ละประการไม่ได้เกิดขึ้นจากการใช้กำลัง แต่เป็นการเอาชนะด้วยคุณธรรมที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า พระพุทธองค์ทรงใช้หลักธรรมสำคัญ 8 ประการเป็นแนวทางในการเผชิญกับอุปสรรคเชิงสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ 1) บารมี เพื่อชนะอุปสรรคในชีวิต (มาร) 2) ขันติ เพื่อชนะผู้มีจิตใจโหดร้าย (ยักษ์) 3) เมตตา เพื่อชนะความรุนแรงทางกาย (ช้าง) 4) ปัญญา เพื่อชนะผู้เข้าใจผิด (โจร) 5) สมาธิ (ความสงบระงับ) เพื่อชนะคำใส่ร้าย (สตรี) 6) วิมุตติปัญญา (การเห็นตามจริง) เพื่อชนะผู้ยึดติดในความคิดตน (นักบวช) 7) ศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา เพื่อชนะผู้หลงในฤทธิ์ (นาค) และ 8) สัมมาทิฏฐิ เพื่อชนะผู้มีความเห็นผิด (พรหม) แนวทางเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การเอาชนะอุปสรรคที่แท้จริงต้องเริ่มจากการพัฒนาคุณธรรมภายในตนเอง เพื่อเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา และนำไปสู่การพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืนตามหลักพุทธธรรม</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1868
จิตวิทยาเชิงบวก: ผู้นำการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
2025-07-30T15:57:26+07:00
สุทธินันท์ มีชำนาญ
sutthinan.jje@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอและวิเคราะห์ยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีไม่เพียงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อกระบวนการเรียนรู้ การทำงาน และการดำเนินชีวิตโดยรวม ท่ามกลางบริบทดังกล่าว แนวคิด “จิตวิทยาเชิงบวก” ในฐานะแขนงหนึ่งของจิตวิทยาที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์โดยไม่จำกัดเพียงการเยียวยาจิตใจ หากแต่เน้นการเสริมสร้างอัจฉริยภาพ ความสุข และคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ จึงได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในด้านการเรียนรู้และการพัฒนาผู้นำ บทความนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์บทบาทของผู้นำการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ผ่านการเชื่อมโยงกับแนวคิดจิตวิทยาเชิงบวก โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การบริหารจัดการความรู้ และการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน ผู้นำยุคใหม่จำเป็นต้องมีคุณลักษณะ ทักษะ และวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 อาทิ ความสามารถในการปรับตัว การคิดเชิงระบบ และการส่งเสริมแรงจูงใจภายใน บทความนี้นำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้จิตวิทยาเชิงบวกร่วมกับภาวะผู้นำดิจิทัล เพื่อพัฒนาผู้นำเชิงรุกที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทโลกยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1904
แนวทางการประยุกต์ใช้โปรแกรม Kahoot! ของวิทยากรในยุคดิจิทัล
2025-08-19T18:50:35+07:00
ธวัชชัย บุตรงาม
kruant1653@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้โปรแกรม Kahoot! ในการเสริมสร้างการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการเป็นวิทยากรบรรยายด้านวัฒนธรรม โดยเน้นการปรับบทบาทของวิทยากรจากผู้ถ่ายทอดความรู้แบบทางเดียว มาเป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้เชิงโต้ตอบที่เหมาะสมกับผู้เรียนในยุคดิจิทัล (ค.ศ. 2000 - ปัจจุบัน) ซึ่งมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความสนใจ การใช้เทคโนโลยี และความต้องการปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา การใช้ Kahoot! เป็นเครื่องมือในกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้มากขึ้น โดยสามารถนำไปใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการบรรยาย เพื่อกระตุ้นความสนใจ ประเมินความเข้าใจ และทบทวนเนื้อหาในรูปแบบเกมที่สนุกสนาน และมีแรงจูงใจ</p> <p>จากการวิเคราะห์ข้อมูล และแนวคิดที่เกี่ยวข้อง ผู้เขียนได้สังเคราะห์เป็นกรอบแนวคิด K - CIR Model ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การกระตุ้นความรู้เดิม (Knowledge Activation), การออกแบบเนื้อหาวัฒนธรรม (Cultural Content Design), การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรียน (Interactive Engagement) และการประเมินผลเชิงสะท้อน (Reflective Assessment) ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับการบรรยายวัฒนธรรมได้หลากหลายบริบท บทความนี้จึงเสนอแนวทางใหม่สำหรับวิทยากรด้านวัฒนธรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เข้ากับยุคสมัย และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ เห็นคุณค่า และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนอย่างลึกซึ้งผ่านเครื่องมือดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1923
ระบบนิเวศการเรียนรู้ภายในสถานศึกษาเพื่อเสริมสร้างกรอบความคิดแบบเติบโตของผู้เรียน
2025-08-19T18:53:23+07:00
พัชรัตน์ จรัสรัตนเศวต
suntaree@tsu.ac.th
สุนทรี วรรณไพเราะ
suntaree@tsu.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ ระบบนิเวศการเรียนรู้ภายในสถานศึกษา รวมถึงองค์ประกอบที่มีผลต่อการเสริมสร้างกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนแนวทางการสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ภายในสถานศึกษาที่เสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ระบบนิเวศการเรียนรู้เป็นโครงสร้างที่เชื่อมโยงระหว่างผู้เรียน แหล่งเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมทางการศึกษา ที่มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม ยืดหยุ่น และต่อเนื่อง โดยมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กรอบความคิดแบบเติบโต เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าความสามารถของบุคคลสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายาม เรียนรู้จากความผิดพลาด และเปิดรับคำแนะนำที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของผู้เรียนที่สามารถเผชิญกับความท้าทายและปรับตัวในบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางการออกแบบระบบนิเวศการเรียนรู้ภายในสถานศึกษาเพื่อส่งเสริมกรอบความคิดแบบเติบโต ประกอบด้วย การพัฒนาครูและบทบาทของครูการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การสะท้อนกลับเชิงบวก การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการเรียนรู้ และการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ จากการวิเคราะห์พบว่า การส่งเสริมกรอบความคิดแบบเติบโตของผู้เรียน จำเป็นต้องอาศัยระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงในทุกมิติและสนับสนุนการเรียนรู้เชิงรุก จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถรับมือกับความท้าทายของโลกในอนาคตได้อย่างมั่นคง</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา
https://so14.tci-thaijo.org/index.php/jbei/article/view/1946
พระสงฆ์กับการเรียนรู้จริยธรรมในสังคมไทย
2025-08-19T19:19:15+07:00
พระใบฎีกา ธเนศวร ธีรธมฺโม (ทองเชียง)
kraisin1986@gmail.com
อิสสรพงษ์ ไกรสินธุ์
kraisin1986@gmail.com
พระครูสุนทรวีรบัณฑิต (วีรชนม์ เขมวีโร (มาลาไธสง))
kraisin1986@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาบทบาทของพระสงฆ์ในการเป็นแหล่งเรียนรู้จริยธรรมในสังคมไทย โดยมุ่งเน้นภารกิจของพระสงฆ์ในฐานะผู้ถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนและผู้เป็นแบบอย่างทางจริยธรรมให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยซึ่งถือว่าได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีอิทธิพลต่อค่านิยมและพฤติกรรมของคนในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในอดีตที่พระสงฆ์เป็นศูนย์กลางของการศึกษาผ่านกิจกรรมทางศาสนา โดยการเทศนา การอบรมศีลธรรม และการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ที่ส่งเสริมคุณธรรมอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ยังกล่าวถึงการเรียนรู้ของพระสงฆ์เพื่อให้เข้ากับบริบทสังคมร่วมสมัย เพื่อให้การเรียนรู้จริยธรรมมีความหลากหลาย ทันสมัย และเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอตัวอย่างการดำเนินงานของวัดในหลายพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านจริยธรรม อาทิ การจัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน กิจกรรมธรรมะวันอาทิตย์ หรือการจัดเวทีเสวนาธรรมในชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคงด้านจิตใจและคุณธรรมอย่างยั่งยืนในระยะยาว</p>
2025-12-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมการศึกษา