วารสารนวัตกรรมการบริหารการจัดการและการสื่อสาร (ITMC) https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc <h3 class="" data-start="148" data-end="199">วารสารนวัตกรรมการบริหารการจัดการและการสื่อสาร</h3> <p class="" data-start="200" data-end="318"><strong data-start="200" data-end="257">Innovation Technology Management Communication (ITMC)</strong><br data-start="257" data-end="260" /><strong data-start="260" data-end="318">คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา</strong></p> <p class="" data-start="320" data-end="597">วารสารนวัตกรรมการบริหารการจัดการและการสื่อสาร Innovation Technology Management Communication (ITMC) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมความเป็นนวัตกรรมในการบริหารการจัดการและการสื่อสารในสถานการณ์ทางธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะวารสารนี้เน้นด้าน <span style="font-size: 0.875rem;">นวัตกรรมเชิงเทคโนโลยี (Innovation Technology)</span><span style="font-size: 0.875rem;">การบริหารการจัดการ (Management) </span><span style="font-size: 0.875rem;">การสื่อสาร (Communication) </span>เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมศาสตร์ วิธีการนำเสนอและนำไปใช้งานในองค์กรและธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ก้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว</p> <p class="" data-start="953" data-end="1316"> วารสารฉบับนี้จะเผยแพร่บทความทางวิชาการ ทำงานวิจัยและพัฒนาการจัดการอย่างยั่งยืน (Sustainable Management Technology and Innovation) นำเสนอการสร้างผลิตภัณฑ์ การจัดการ หรือบริการที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมและธุรกิจ วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้บริโภคและสังคมในระยะยาว การบริหารการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เน้นการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ในเชิงสหวิทยาการ ประกอบด้วย <span style="font-size: 0.875rem;">บทความวิจัย </span><span style="font-size: 0.875rem;">บทความวิชาการ</span><span style="font-size: 0.875rem;">บทความปริทัศ</span></p> <p class="" data-start="1461" data-end="1677"> วารสารฉบับนี้ทำให้นักวิจัยและผู้ที่สนใจทางด้านนี้มีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณภาพเกี่ยวกับนวัตกรรม การจัดการ และการสื่อสารในทุกมิติของธุรกิจและองค์กรในยุคปัจจุบันและอนาคต มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การบริหารการจัดการ และการสื่อสาร ซึ่งบทความวิชาการและบทความวิจัยทุกเรื่องที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารจะได้รับการอ่านและตรวจพิจารณาจากกรรมการผู้เชี่ยวชาญ (Peer Reviewer) อย่างน้อย 3 ท่าน โดยวารสารนี้จะเปิดรับบทความปีละ 3 ฉบับของทุกปี คือ <span style="font-size: 0.875rem;">ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน </span><span style="font-size: 0.875rem;">ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม </span><span style="font-size: 0.875rem;">ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม </span>ในรูปแบบของการประเมินบทความที่ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เขียนไม่ทราบชื่อและสังกัดของกันและกัน (Double-Blind Peer Review) โดยบทความจากบุคลากรภายในจะได้รับการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกทั้งหมด ส่วนบทความจากบุคลากรภายนอกจะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกทั้งหมด หรือจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิภายใน ทั้งนี้เพื่อให้บทความที่ตีพิมพ์มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานสากล เพื่อนำไปสู่การเกิดองค์ความรู้ใหม่และต่อยอดการพัฒนาในศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องต่อไป</p> <hr class="" data-start="2544" data-end="2547" /> <h3 class="" data-start="2549" data-end="2568">เกี่ยวกับวารสาร</h3> <p class="" data-start="2570" data-end="2850">วารสารนวัตกรรมการบริหารการจัดการและการสื่อสาร Innovation Technology Management Communication (ITMC) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีกำหนดเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ ได้ผลิตวารสารจากตัวเล่มหนังสือและวารสารมีการเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียวผ่านระบบ ThaiJO</p> <hr class="" data-start="2852" data-end="2855" /> <h3 class="" data-start="2857" data-end="2873">วัตถุประสงค์</h3> <ol data-start="2875" data-end="3593"> <li class="" data-start="2875" data-end="3046"> <p class="" data-start="2878" data-end="3046"><strong data-start="2878" data-end="2906">ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา</strong><br data-start="2906" data-end="2909" />สนับสนุนการทำงานวิจัยและพัฒนาในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การบริหารการจัดการ และการสื่อสาร เพื่อเสริมสร้างความรู้และนวัตกรรมในสาขาต่าง ๆ</p> </li> <li class="" data-start="3048" data-end="3351"> <p class="" data-start="3051" data-end="3351"><strong data-start="3051" data-end="3090">เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนความรู้</strong><br data-start="3090" data-end="3093" />ส่งเสริมและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการบริหารการจัดการและการสื่อสาร ตลอดจนเทคนิคการวิจัยใหม่ ๆ ทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ระหว่างนักวิจัยและผู้ที่สนใจในสาขาที่เกี่ยวข้อง ได้สร้างผลงานทางวิชาการที่เป็นวิทยาการใหม่ ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคม</p> </li> <li class="" data-start="3353" data-end="3457"> <p class="" data-start="3356" data-end="3457"><strong data-start="3356" data-end="3393">สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ</strong><br data-start="3393" data-end="3396" />ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การบริหารการจัดการ และการสื่อสาร</p> </li> <li class="" data-start="3459" data-end="3593"> <p class="" data-start="3462" data-end="3593"><strong data-start="3462" data-end="3480">เผยแพร่ความรู้</strong><br data-start="3480" data-end="3483" />สนับสนุนการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการผ่านทางบทความที่มีคุณภาพและนวัตกรรมในด้านการบริหารการจัดการและการสื่อสาร</p> </li> </ol> <hr class="" data-start="3595" data-end="3598" /> <h3 class="" data-start="3600" data-end="3635">ขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์ (Scope)</h3> <p>เพื่อเผยแพร่บทความวิจัย (Research Article) และบทความวิชาการ (Academic Article) ที่มีคุณภาพในด้านสังคมศาสตร์ ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชา ได้แก่ บริหารธุรกิจ ศิลปศาสตร์ การศึกษา การบัญชี เศรษฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ ครุศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ สังคมวิทยา นิติศาสตร์ สังคมสงเคราะห์ สุขศึกษา พาณิชยศาสตร์ พัฒนาชุมชน การเงินการธนาคาร ปรัชญา ภูมิศาสตร์ จิตวิทยา อักษรศาสตร์ ตลอดจนสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังให้ผลงานวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ เสริมสร้างการพัฒนาทางวิชาการ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในมิติต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p> <hr class="" data-start="4091" data-end="4094" /> <h3 class="" data-start="4096" data-end="4137">ประเภทบทความที่รับ (Types of Article)</h3> <p class="" data-start="4139" data-end="4209">วารสารรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใน 2 ประเภท ได้แก่</p> <ol data-start="4210" data-end="4281"> <li class="" data-start="4210" data-end="4245"> <p class="" data-start="4213" data-end="4245">บทความวิจัย (Research Article)</p> </li> <li class="" data-start="4246" data-end="4281"> <p class="" data-start="4249" data-end="4281">บทความวิชาการ (Academic Article)</p> </li> </ol> <hr class="" data-start="4283" data-end="4286" /> <h3 class="" data-start="4288" data-end="4331">กำหนดการเผยแพร่ (Publication Frequency)</h3> <p class="" data-start="4333" data-end="4390">วารสารมีกำหนดการเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ (ราย 4 เดือน) ดังนี้</p> <ul data-start="4391" data-end="4535"> <li class="" data-start="4391" data-end="4437"> <p class="" data-start="4393" data-end="4437">ฉบับที่ 1: มกราคม–เมษายน (กำหนดออก เมษายน)</p> </li> <li class="" data-start="4438" data-end="4487"> <p class="" data-start="4440" data-end="4487">ฉบับที่ 2: พฤษภาคม–สิงหาคม (กำหนดออก สิงหาคม)</p> </li> <li class="" data-start="4488" data-end="4535"> <p class="" data-start="4490" data-end="4535">ฉบับที่ 3: กันยายน–ธันวาคม (กำหนดออก ธันวาคม)</p> </li> </ul> <hr class="" data-start="4537" data-end="4540" /> <h3 class="" data-start="4542" data-end="4605">นโยบายการประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review Policy)</h3> <p class="" data-start="4607" data-end="4929">ตั้งแต่ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 (มกราคม–เมษายน 2567) บทความทุกบทความจะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 ท่าน (เดิมใช้ผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่า 2 ท่าน) ในรูปแบบของการประเมินบทความที่ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เขียนไม่ทราบชื่อและสังกัดของกันและกัน (Double-Blind Peer Review)</p> <p class="" data-start="4931" data-end="5128">โดยบทความจากบุคลากรภายในจะได้รับการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกทั้งหมด ส่วนบทความจากบุคลากรภายนอกจะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกทั้งหมด หรือจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิภายใน</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา</p> <p> </p> itmc@bsru.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิงห์ สิงห์ขจร) itmc@bsru.ac.th (นางสาวจรัสมณี โอวุฒิธรรม) Sun, 31 Aug 2025 22:44:17 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 สภาพปัจจุบันที่ส่งผลต่อความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1112 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น (2) ศึกษาความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้นการสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น (3) เปรียบเทียบลักษณะประชากรกับความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้นการสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้นแตกต่างกัน (4) ศึกษาสภาพปัจจุบันส่งผลต่อความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างประชากรที่อาศัยในจังหวัดชุมพร จำนวน 200 คน และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า (1) สภาพปัจจุบันของหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.91 และ (2) ความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้นการสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้น พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.19 ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า (1) ลักษณะประชากร ได้แก่ การศึกษา อาชีพ และรายได้ ต่างกันมีความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้นแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเพศ และอายุต่างกันมีความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้นไม่แตกต่างกัน (2) สภาพปัจจุบันส่งผลต่อความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยสภาพปัจจุบันที่มีผลต่อความคิดเห็นต่อการใช้สื่อการสอนหลักสูตรระยะสั้น การสร้างแบบตัดเสื้อเบื้องต้นเพิ่มขึ้น .781 หน่วยหรือเพิ่มขึ้นร้อย 78.10</p> <p><strong>คำสำคัญ:</strong> สภาพปัจจุบัน การใช้สื่อการสอน การสร้างแบบเสื้อเบื้องต้น</p> สุภาภรณ์ รักษามั่น, ฉันทนา ปาปัดถา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1112 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ของวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1113 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยด้านการจัดการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ของวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช 2) ศึกษาการตัดสินใจศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น 3) เปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับการตัดสินใจศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น และ 4) ศึกษาความคิดเห็นต่อการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ผู้เรียนที่กำลังศึกษาใน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ของวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2567 โดยใช้การคำนวนการคำนวณหาขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Krejcie &amp; Morgan กำหนดความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ 95% หรือกำหนดให้เกิดความคลาดที่ .05 หรือ ±5% ทำให้ได้ขนาดตัวอย่าง จำนวน 226 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-Test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression) ผลการวิจัยพบว่า &nbsp;1) ปัจจัยด้านการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ของวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช ภาพรวม อยู่ในระดับมาก โดยอยู่ในระดับมากที่สุด 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการประกอบอาชีพ ด้านภาพลักษณ์ของวิทยาลัย ด้านกิจกรรม 2) การตัดสินใจศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ของวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช อยู่ในระดับมาก เมื่อทำการทดสอบสมมติฐาน พบว่า (1) ปัจจัยส่วนบุคคล เพศ อายุ ระดับการศึกษา และสาขาวิชา ต่างกันมีการตัดสินใจศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม ไม่แตกต่างกัน (2) ปัจจัยด้านการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อการตัดสินใจศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาคหกรรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า มี 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) ปัจจัยด้านหลักสูตร มีผลทางบวก ต่อการตัดสินใจศึกษาต่อ เพิ่มขึ้น .454 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.70 2) ปัจจัยด้านผู้สอน มีผลทางลบต่อการตัดสินใจศึกษา โดยมีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อ โดยลดลง -.781 หน่วย หรือ ลดลงร้อยละ -78.10 และ 3) ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ของวิทยาลัย มีผลทางบวกต่อการตัดสินใจศึกษาต่อ โดยมีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อ เพิ่มขึ้น .445 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.50</p> ณัฐพงศ์ พลโคตร, ฉันทนา ปาปัดถา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1113 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทของธุรกิจ https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1429 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>ปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์คิดและวิเคราะห์ทำงานที่ซับซ้อนตัดสินใจแก้ไขปัญหา ทำงานแบบมนุษย์และสามารถโต้ตอบกับมนุษย์ โดยการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในงานธุรกิจควรคำนึงถึงระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมโปรงใส ซึ่งลักษณะของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทของธุรกิจมุ่งพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ซี่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพมีการการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการพัฒนางานทางธุรกิจ ทั้งด้านการตลาด การผลิต&nbsp; การเงิน การบัญชี และการบริหารงานบุคคล ฯลฯ ซี่งอุปสรรคและความท้าทายของการนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้คือประเด็นด้านจริยธรรมและความโปร่งใส แต่อย่างไรก็ตามการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ยังเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อบริบทการดำเนินงานของธุรกิจในสถานการณ์การแข่งขันในยุคดิจิทัล</p> <p>&nbsp;</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>:</strong> ปัญญาประดิษฐ์; การนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้; บริบทของธุรกิจ</p> <p>t</p> จิตณรงค์ เอี่ยมสำอางค์, นิรชา กุลจิตตินภกร, พรรณมัย พรไชยสุทธิ, ปิยะพร น้อยเจริญ, จื่อหลง เฉิง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1429 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 ความตระหนักและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออมเงินของนิสิตนักศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1656 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความตระหนัก และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออมเงินของนิสิตนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างคือ นิสิตนักศึกษา จำนวน 400 คนที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนในกรุงเทพมหานครรวมถึงวิทยาเขตที่อยู่ในเขตปริมณฑล จาก 87 สาขาวิชา 38 คณะใน 13 มหาวิทยาลัย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย</p> <p>ผลจากการวิจัยสรุปได้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาส่วนใหญ่มี อายุระหว่าง 18-24 ปี มีรายรับเฉลี่ยต่อเดือนเท่ากับ 9163.75 บาทและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 7687.12 บาท และมีเงินออมเฉลี่ยอยู่ที่ 8315.75 บาทต่อคน โดยที่แหล่งที่มาของรายรับประมาณร้อยละ 50 ของกลุ่มตัวอย่างมาจาก พ่อ/แม่/บุคคลในครอบครัว/ผู้อุปการะ เพียงทางเดียว และอีกร้อยละ 30 ของกลุ่มตัวอย่างมีรายรับจาก พ่อ/แม่/บุคคลในครอบครัว/ผู้อุปการะ รวมกับการทำงานพิเศษ ในขณะที่ความตระหนักที่มีต่อการออมนั้นพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีระดับความเห็นด้วยกับประเด็นการออมในระดับมาก เกือบทุกประเด็นยกเว้นในเรื่องของ “การวางแผนในการใช้จ่ายเงินและออมเงินเป็นเรื่องที่ท่านสามารถปฏิบัติได้ยาก” ที่ควรจะเห็นด้วยในระดับน้อย แต่กลับพบว่าระดับความเห็นด้วยอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่ด้านพฤติกรรมการออมเงินพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่คิดวางแผนทางด้านการเงินแล้ว โดยการออมเงินส่วนใหญ่เกิดในรูปของการฝากธนาคารและเก็บเป็นเงินสดไว้ที่ตัวเอง นอกจากนั้นยังพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างเกือบร้อยละ 30 ที่ยังไม่ได้วางแผนใด ๆเกี่ยวกับการออมเลย ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีการออมแล้วนั้นส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์ในการออมเงินเพื่อซื้อของที่ตัวเองต้องการ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เจ็บป่วย และเพื่อใช้ในการท่องเที่ยว</p> กมลศักดิ์ วงศ์ศรีแก้ว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1656 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาการใช้เกมออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอนของครูในระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1672 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับการใช้เกมออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอน 2) ศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้เกมออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอน ประชากรที่ใช้ คือ ครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 35 คน และกลุ่มตัวอย่าง คือ ครูที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 32 คน ใช้การสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า เกมออนไลน์ส่วนใหญ่ที่ครูใช้มากที่สุด คือ Kahoot (𝑥̅=3.66, S.D.=1.29) ระดับการใช้อยู่ในเกณฑ์มาก ความพึงพอใจด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ ก่อให้เกิดแรงจูงใจและสร้างความกระตือรือร้นในการเรียน (𝑥̅=4.44, S.D.= 0.90) ระดับการใช้อยู่ในเกณฑ์มาก ความพึงพอใจด้านบรรยากาศในการเรียนรู้ คือ มีความผ่อนคลาย สนุกสนาน (𝑥̅=4.59, S.D.=0.78) ระดับการใช้อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด โดยการใช้เกมออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอนมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ แต่อาจมีข้อจำกัดในด้านความพร้อมของปัจจัยต่าง ๆ</p> วิรชา สนนุกิจ, ธนารักษ์ สารเถื่อนแก้ว ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1672 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กับการเรียนรู้แบบปกติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1675 <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) แบบประเมินคุณภาพบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนซึ่งใช้สำหรับทดสอบก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 5) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 แผน 6 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน <br>ผลวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) เท่ากับ 80.00 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 83.40 สรุปได้ว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าก่อนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 และ 3) นักเรียนที่เรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอยู่ในระดับมาก&nbsp;</p> ธารารัตน์ พลพัง, วิรัช แซ่ฉั่ว, นันทรัตน์ เกียรติศักดิ์โสภณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so14.tci-thaijo.org/index.php/itmc/article/view/1675 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700