https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/issue/feed วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม 2025-08-29T20:01:36+07:00 Assistant Professor Dr. Nattapong Jantachalobon nattapong.j@mail.rmutk.ac.th Open Journal Systems <p>ISSN: 3027-8228 (Online)</p> <p>วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม (Journal of Business and society innovation)</p> <p>กำหนดออก : 3 ฉบับต่อปี</p> <p>ฉบับที่ 1 (มกราคม - เมษายน)<br />ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม)<br />ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม)</p> https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1768 Navigating Leadership Challenges and Conflict in the Digital Era: Pathways Towards Sustainable Development 2025-07-03T10:03:06+07:00 Nachon Prayoonvong penjan.s@mail.rmutk.ac.th Atchara Limwongthong penjan.s@mail.rmutk.ac.th Napath Deemark penjan.s@mail.rmutk.ac.th Wee Wongtiankul penjan.s@mail.rmutk.ac.th Jirawut chearnkaitpradab penjan.s@mail.rmutk.ac.th Penjan Saengarvut penjan.s@mail.rmutk.ac.th <p> In the digital age, organizations are experiencing rapid technological change, leading to intensified internal conflicts. These conflicts challenge traditional leadership approaches and pose significant risks to organizational performance and sustainability. This study aims to develop an integrated theoretical framework that connects digital leadership, conflict management, and organizational sustainability, addressing the complexity of managing conflict in digital environments. A systematic literature review was conducted to examine existing research and theories on conflict dynamics, leadership strategies, and sustainability practices in digital businesses. The study also identifies key research gaps, particularly the lack of integrated models that address all three dimensions. The study proposes a novel conceptual framework that shows how dynamic digital leadership can transform conflict management into a strategic tool for promoting sustainability. The framework emphasizes flexibility, adaptability, and proactive conflict resolution. This framework offers practical guidance for digital leaders to enhance conflict management and build sustainable organizational cultures. It also provides a foundation for future empirical research, encouraging mixed-methods approaches and exploration across diverse digital contexts. Additionally, the study suggests policy recommendations to support sustainable digital transformation in both public and private sectors.</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1430 การประยุกต์ใช้กลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานคาร์บอนต่ำ ในภาคอุตสาหกรรมบนพื้นฐานของตัวแบบสกอร์ 2025-03-12T20:22:06+07:00 กิตติชัย ประเสริฐพรศรี warrasade.udo@cdti.ac.th วรัญญา แก้วเชือกหนัง warrasade@yahoo.com ศนภสร รอดสนใจ warrasade@yahoo.com วรเศรษฐ์ อุดมสิน warrasade@yahoo.com <p> บทความนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้แนวคิดห่วงโซ่อุปทานคาร์บอนต่ำเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานโดยนำเสนอหลักการสำคัญ เช่น การวิเคราะห์โครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานโดยใช้ตัวแบบ SCOR การใช้แบบจำลองกระบวนการ การระบุแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทาน มาตรฐานเกี่ยวกับคาร์บอนที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพและวิธีการประเมินผล เป็นต้น นอกจากนี้บทความยังนำเสนอความท้าทายและโอกาสในการนำแนวคิดนี้มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานโดยความท้าทายที่ห่วงโซ่อุปทานต้องเผชิญ ได้แก่ ความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน ต้นทุนการลงทุนที่สูงและการขาดแคลนความรู้และเทคโนโลยี ในขณะโอกาสที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน การลดต้นทุนในระยะยาวและการเข้าถึงตลาดใหม่ ตามลำดับ</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1326 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขนมไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานี 2025-02-26T10:44:40+07:00 กษพร เอกก้านตรง 6514193114@rumail.ru.ac.th ณรงค์ ทมเจริญ narong.tomcharoen@gmail.com <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์กับการตัดสินใจซื้อขนมไทยผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานี และเพื่อศึกษาปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขนมไทยผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานี รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แนวคิดประชากรศาสตร์ ส่วนประสมทางการตลาด และการตัดสินใจซื้อ เป็นกรอบการวิจัย ซึ่งพื้นที่ในการวิจัยคือจังหวัดปทุธานี กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริโภคที่เคยซื้อและคาดว่าจะซื้อขนมไทยและอาศัยอยู่ในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 424 คน ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างตามสะดวก ใช้แบบสอบถามอิเลกทรอนิกซ์เป็นเครื่องมือวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน<br /> ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ที่แตกต่างกัน มีการตัดสินใจเลือกซื้อขนมไทยผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานี ไม่แตกต่างกัน และปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านกระบวนการให้บริการ และด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อขนมไทยผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานี อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจหรือผู้ประกอบการ นำไปใช้เพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดร้านขนมไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1387 ภาพลักษณ์ออนไลน์ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 2025-02-25T17:12:09+07:00 สิทธิชัย สุดใจ Sittichai.s@mail.rmutk.ac.th <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านประชากรศาสตร์และความพึงพอใจของบุคลากรในคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย<br />เทคโนโลยาชมงคลกรุงเทพ ที่มีต่อภาพลักษณ์ของสื่อออนไลน์คณะบริหารธุรกิจ ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานใน<br />คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวน 70 คน แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง การวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยด้านความพึงพอใจใช้สถิติ t-test และ One-Way ANOVA เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง จำนวน 42 คน และเพศชาย จำนวน 28 คน ด้านอายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุระหว่าง 40-49 ปี ด้านระดับการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีระดับการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 40 คน ด้านอายุการทำงาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุการทำงาน 21 ปีขึ้นไป และด้านตำแหน่งในหน่วยงาน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย จำนวน 43 คน ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของบุคลากรในคณะบริหารธุรกิจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และระดับระดับภาพลักษณ์สื่อออนไลน์ของคณะบริหารธุรกิจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน ผลการทดสอบสมมติฐานข้อที่ 1 พบว่าปัจจัยทางด้านประชากรศาสตร์ในทุกด้านมีผลต่อแนวคิดภาพลักษณ์ของสื่อออนไลน์คณะบริหารธุรกิจไม่แตกต่างกัน และสมมติฐานข้อที่ 2 ปัจจัยทางด้านความพึงพอใจของบุคลากรมีผลต่อแนวคิดภาพลักษณ์ของสื่อออนไลน์คณะบริหารธุรกิจไม่แตกต่างกันเช่นกัน</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1396 เหตุผลในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 2025-03-04T21:04:37+07:00 สราญรัตน์ สุวรรณนาคร saranrat.s@mail.rmutk.ac.th <p> การศึกษาเรื่อง เหตุผลในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เป็นการศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์งานวิจัย 2 ข้อ คือ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 2. เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลที่มีต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ทำการเก็บข้อมูลจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 รุ่นเข้าปีการศึกษา 2567 ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวนทั้งสิ้น 439 คน ได้ผลการวิจัยคือ เมื่อพิจารณาเหตุผลในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไม่ส่งผลต่อเหตุผลในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปัจจัยส่วนบุคคลทั้ง 6 ได้แก่ เพศ ภูมิลำเนาของนักศึกษา รายได้ต่อเดือนของผู้ปกครอง (กรณีผู้ปกครองส่งเสีย) รายได้ต่อเดือนของนักศึกษา (กรณีส่งเสียตัวเอง) วุฒิการศึกษาที่ใช้สมัครเข้าศึกษา และสาขาวิชาที่ศึกษา นอกจากนี้ผลการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่า ปัจจัยด้านภาพลักษณ์ (b = .269, t= 7.429, Sig= .000), ด้านหลักสูตร (b = .170, t= 3.685, Sig= .000), ด้านอาจารย์ผู้สอน (b = .193, t= 4.385, Sig= .000), ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (b = .206, t= 4.723, Sig= .000), ด้านการประชาสัมพันธ์ (b = .194, t= 3.923, Sig= .000), และด้านสวัสดิการ(b = .272, t= 5.593, Sig= .000) เป็นเหตุผลที่มีอิทธิผลในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ได้ร้อยละ 82.2 (Adjusted R2=0.822) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1778 การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวในอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 2025-07-03T10:02:18+07:00 พัชรินทร์ ชูชัย ampacharin@gmail.com <p> บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวในอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยได้ทำการสังเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพื่อระบุปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถจำแนกได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคลและประชากรศาสตร์ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ ปัจจัยด้านองค์ประกอบทางการท่องเที่ยว และปัจจัยด้านการตลาดและการรับรู้ข้อมูล การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้หน่วยงานทีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราชสามารถวางแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม https://so14.tci-thaijo.org/index.php/J-BSI/article/view/1799 การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการจัดการปัญหาความล่าช้าในการทำงาน ของแผนกขาเข้า กรณีศึกษา: บริษัท XYZ จำกัด 2025-07-07T09:40:07+07:00 กาญจนา จันแพทย์รักษ์ j.kanjana@outlook.com นันทิ สุทธิการนฤนัย nanthi_sut@utcc.ac.th <p> การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความล่าช้าในกระบวนการทำงานของแผนกขาเข้าบริษัท XYZ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยพบปัญหาหลัก ได้แก่ เอกสารล่าช้า การจัดส่งเอกสารเรียกเก็บเงินล่าช้า และค่าปรับจากการปล่อยสินค้าล่าช้า (Demurrage) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า การวิจัยเชิงคุณภาพนี้เก็บข้อมูลผ่านการสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิเคราะห์เอกสาร โดยใช้เทคนิค 5 Whys และแผนผังก้างปลา (Fishbone Diagram) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุรากของปัญหา จากนั้นนำหลักการ ECRS (Eliminate, Combine, Rearrange, Simplify) มาปรับปรุงกระบวนการ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความแม่นยำในการทำงาน<br /> ผลการศึกษาพบว่า สาเหตุหลักเกิดจากขั้นตอนการจัดการเอกสารที่ซ้ำซ้อน และการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพทั้งภายในองค์กรและกับลูกค้า ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อน ความผิดพลาด และความล่าช้า ผู้วิจัยจึงเสนอแนวทางแก้ไขโดยการปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มบริการจัดเรียงบรรจุภัณฑ์ใหม่ (Repackaging) แม้จะเพิ่มขั้นตอนและการประสานงานเล็กน้อย แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวก พร้อมส่งเสริมรายได้และความได้เปรียบทางการแข่งขัน<br /> นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการทำงาน เช่น ระบบแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน LINE ระบบจัดเก็บเอกสารกลาง และ Google Forms สำหรับรับข้อมูลตั้งแต่ต้นทาง ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ความผิดพลาดด้านเอกสารลดลงจากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 0 และค่าปรับลดลงจาก 7 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง จากทั้งหมด 50 การส่งสินค้า ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทและลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ</p> 2025-08-29T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมทางธุรกิจและสังคม